ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 391.64 จุด วิตกการเมืองอิตาลี,สเปน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 30, 2018 06:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 400 จุดเมื่อคืนนี้ (29 พ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลีและสเปน ขณะที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี ถ้าหากรัฐบาลชุดใหม่ของอิตาลีไม่สามารถดำเนินนโยบายการคลังที่จะทำให้หนี้สาธารณะของประเทศลดลงอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,361.45 จุด ร่วงลง 391.64 จุด หรือ -1.58% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,689.86 จุด ลดลง 31.47 จุด หรือ -1.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,396.59 จุด ลดลง 37.26 จุด หรือ -0.50%

นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังจากความพยายามในการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนานนั้นยังคงไม่ประสบความสำเร็จ จนทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าอิตาลีอาจจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่

นายแซร์โจ มัตตาเรลลา ประธานาธิบดีอิตาลี ประกาศแต่งตั้งนายคาร์โล คอตตาเรลลี อดีตนักเศรษฐศาสตร์วัย 64 ปีประจำกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีของอิตาลีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยนายคอตตาเรลลีมีภารกิจในการปรับลดหนี้จำนวนมากของประเทศ และเร่งจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หลังจากที่ความพยายามในการจัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่างพรรค Five Stars Movement (M5S) และพรรค Northern League ประสบความล้มเหลวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยนายคอตตาเรลลีคาดว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้

ทางด้านมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ออกรายงานเตือนเมื่อวานนี้ว่า มูดี้ส์จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี ถ้าหากรัฐบาลชุดใหม่ของอิตาลีไม่สามารถดำเนินนโยบายการคลังที่จะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศลดลงอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาลสเปน หลังจากที่พรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้มีการลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี มาริอาโน ราฮอย กรณีทุจริตคอร์รัปชัน โดยจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภาในวันพฤหัสบดี ก่อนที่จะมีการลงมติในวันศุกร์นี้ ขณะที่สื่อของสเปนต่างออกมาเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด ท่ามกลางความกังวลของตลาดการเงินว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองและความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดการเลือกตั้งใหม่นั้น อาจส่งผลให้เกิดภาวะสุญญากาศทางการเมือง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับปัจจัยการเมืองในอิตาลีและสเปน โดยแรงซื้อพันธบัตรส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาพันธบัตรและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 3.4% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 5.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 4.3% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลงกว่า 4% หุ้นสเตท สตรีท คอร์ป ร่วงลง 5.4% และหุ้นพรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล ปรับตัวลง 5%

หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ปรับตัวลง 0.6% หลังจากมีรายงานว่า ไช่เหนียว เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ในเครืออาลีบาบา ได้เข้าลงทุนมูลค่า 1.38 พันล้านดอลลาร์ ในบริษัทแซททีโอ เอ็กซ์เพรส (เคย์แมน) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการขนส่งของจีน

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านดีดตัวขึ้น หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.5% ในเดือนมี.ค. โดยหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ปรับตัวขึ้น 0.9% ขณะที่หุ้นพัลทธ์กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.7%

นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการจัดประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความล่าสุดว่า นายคิม ยอง ชอล รองประธานคณะกรรมาธิการพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ กำลังเดินทางมายังสหรัฐ เพื่อหารือกับนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ เกี่ยวกับการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้เช่นกัน ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค.จาก ADP, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2561 (ประมาณการครั้งที่ 2), สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดขายรถยนต์เดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ