ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองในอิตาลีและสเปนอาจส่งผลให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพในยูโรโซน รวมทั้งแนวโน้มที่รัฐบาลอิตาลีอาจผิดนัดชำระหนี้เป็นจำนวนมาก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.37% ปิดที่ 384.47 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,438.06 จุด ลดลง 70.87 จุด หรือ -1.29% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,666.51 จุด ลดลง 196.95 จุด หรือ -1.53% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,632.64 จุด ลดลง 97.64 จุด หรือ -1.26%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลี หลังจากความพยายามในการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนานนั้นยังคงไม่ประสบความสำเร็จ จนทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าอิตาลีอาจจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่รัฐบาลอิตาลีอาจผิดนัดชำระหนี้ของประเทศที่สูงถึง 2.3 ล้านล้านยูโร (2.68 ล้านล้านดอลลาร์)
นายแซร์โจ มัตตาเรลลา ประธานาธิบดีอิตาลี ประกาศแต่งตั้งนายคาร์โล คอตตาเรลลี อดีตนักเศรษฐศาสตร์วัย 64 ปีประจำกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีของอิตาลีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนายคอตตาเรลลีมีภารกิจในการปรับลดหนี้จำนวนมากของประเทศ และเร่งจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยคาดว่านายคอตตาเรลลีคาดว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้
หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 3.4% หลังจากสำนักข่าวสกายของอังกฤษรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษเตรียมขายหุ้นมูลค่าหลายพันล้านปอนด์ที่ถือครองอยู่ในธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์
หุ้นดิกซอนส์ คาร์โฟน ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องไฟฟ้าและโทรศัพท์ ดิ่งลง 21% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรก่อนหักภาษีในปีงบการเงิน 2562
หุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีปรับตัวลง โดยหุ้นอินเทซา ซานเปาโล ร่วงลง 4.1% หุ้นยูเนียน เดอ บองช์ อิตาลี ร่วงลง 4.9% และหุ้นยูนิเครดิต ร่วงลง 5.6%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาลสเปน หลังจากที่พรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้มีการลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี มาริอาโน ราฮอย กรณีทุจริตคอร์รัปชัน โดยจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภาในวันพฤหัสบดี ก่อนที่จะมีการลงมติในวันศุกร์นี้ ขณะที่สื่อของสเปนต่างออกมาเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด ท่ามกลางความกังวลของตลาดการเงินว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองและความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดการเลือกตั้งใหม่นั้น อาจส่งผลให้เกิดภาวะสุญญากาศทางการเมือง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา