ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานขึ้นกว่า 200 จุด โดยฟื้นตัวขึ้นหลังจากดิ่งลงเกือบ 400 จุดเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลทุนเริ่มคลายความกังวลต่อปัจจัยการเมืองในอิตาลี
ณ เวลา 21.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,566.77 จุด เพิ่มขึ้น 205.32 จุด หรือ 0.84%
การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นกลุ่มการเงินช่วยหนุนตลาดในวันนี้
นักลงทุนเกาะติดความคืบหน้าทางการเมืองในอิตาลี หลังจากความพยายามในการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ยืดเยื้อยาวนาน ยังคงไม่ประสบความสำเร็จ จนทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าอิตาลีอาจจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากที่ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์วานนี้ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการปกป้องเทคโนโลยี และทรัพย์สินทางปัญญาจากพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เหมาะสมของจีน
แถลงการณ์ระบุว่า ในวันที่ 15 มิ.ย. สหรัฐจะเปิดเผยรายชื่อสินค้าจีนวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25%
ส่วนในวันที่ 30 มิ.ย. สหรัฐจะประกาศข้อจำกัดในการลงทุน และการควบคุมการส่งออกต่อผู้นำภาคธุรกิจของจีนและองค์กรของจีนที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถือครองเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ สหรัฐจะยังคงดำเนินการยื่นฟ้องจีนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) กรณีที่จีนมีพฤติกรรมที่มีอคติในการให้ใบอนุญาตเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา
ขณะเดียวกัน สหรัฐจะเรียกร้องให้จีนยกเลิกอุปสรรคทางการค้าทั้งหมด ซึ่งรวมถึงอุปสรรคทางการค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งส่งผลให้การทำธุรกิจในจีนมีความยากลำบาก
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1 ที่ระดับ 2.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 จะอยู่ที่ระดับ 2.3%
เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวในอัตราที่ต่ำลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ซึ่งมีการเติบโต 2.9%
ทั้งนี้ ในปี 2560 เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1.4% ในไตรมาสแรก, 3.1% ในไตรมาส 2, 3.2% ในไตรมาส 3 และ 2.9% ในไตรมาส 4
การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2,3 และ 4 ของปีที่แล้ว ถือเป็นการปรับตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วง 9 เดือนในรอบ 1 ทศวรรษ
การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ในปีนี้ มีสาเหตุจากการดิ่งลงของการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี
ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้นเพียง 1.0% ในไตรมาส 1 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2556 โดยมีการปรับลดลงจากเดิมที่รายงานที่ระดับ 1.1% หลังจากพุ่งขึ้น 4.0% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวมากกว่า 3% ในไตรมาส 2 ขณะที่การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนฟื้นตัว โดยได้รับอานิสงส์จากมาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ส่วนออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ ADP ได้ปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 163,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานที่ระดับ 204,000 ตำแหน่ง