ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปที่ต่างก็ปรับตัวลง หลังจากสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดา, เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (EU) ขณะที่ประเทศคู่ค้าเหล่านี้ได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐเช่นกัน ซึ่งนักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่สงครามการค้าในที่สุด
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,678.20 จุด ลดลง 11.37 จุด หรือ -0.15%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้า หลังจากนายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียม 10% จากแคนาดา, เม็กซิโก และ EU โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้เวลา 11.00 น.ตามเวลาไทย หลังจากที่การเจรจาระหว่างสหรัฐและ EU ประสบความล้มเหลว
ด้านรัฐบาลแคนาดาได้ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม รวมทั้งสินค้าอื่นๆที่นำเข้าจากสหรัฐ ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโกได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐเช่นกัน โดย EU ได้ประกาศรายชื่อสินค้าสหรัฐหลายร้อยรายการที่จะถูกเรียกเก็บภาษี นับตั้งแต่เนยถั่วไปจนถึงมอเตอร์ไซค์ ส่วนเม็กซิโกประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ซึ่งรวมถึงเนื้อสุกร, แอปเปิล, องุ่น, ชีส และเหล็กแผ่น
หุ้นเฟิร์สกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งรายใหญ่ ดิ่งลง 19% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาสที่ผ่านมา พร้อมประกาศการลาออกของนายทิม โอ ทูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.9 จากระดับ 51.4 ในเดือนเม.ย. โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 1% หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอส ดีดขึ้น 1.5% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวขึ้น 1.2% แต่หุ้นเกลนคอร์ รีซอส ปิดตลาดปรับตัวลงเล็กน้อย
หุ้นจอห์นสัน แมทธีย์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตส่วนประกอบสำหรับการผลิตยานยนต์ พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลสำหรับปีงบการเงิน 2561
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุด เนชั่นไวด์ได้เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ราคาบ้านในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนพ.ค. โดยปรับตัวขึ้น 2.4% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3% และต่ำกว่าที่เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนเม.ย.