ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์เป็นปัจจัยฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษได้ปรับลดการถือครองหุ้นในธนาคารแห่งนี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,686.80 จุด ลดลง 54.49 จุด หรือ -0.70%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
สำหรับปัจจัยที่ทำให้เงินปอนด์แข็งค่านั้น มาจากรายงานผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอสซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหราชอาณาจักรปรับตัวขึ้นแตะ 54.0 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. จากระดับ 52.8 ในเดือนเม.ย.
หุ้น RBS ดิ่งลง 5.3% และเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ หลังจากรัฐบาลอังกฤษได้ปรับลดสัดส่วนการถือครองหุ้นในธนาคาร RBS ลงเหลือ 62.4% จาก 70.1%
หุ้นคาร์นิวัล ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเรือสำราญ ร่วงลง 6.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2562 ของคาร์นิวัลลง 11% เนื่องจากความเสี่ยงเกี่ยวกับต้นทุนเชื้อเพลิงและความผันผวนของค่าเงิน
หุ้นอีซีเจ็ท ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของยุโรป ร่วงลง 2.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ลิเบรัมได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นอีซีเจ็ท
หุ้นสกาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวีของยุโรป ปรับตัวขึ้น 0.3% หลังจากรัฐบาลอังกฤษอนุมัติให้บริษัทคอมแคสต์ของสหรัฐเข้าซื้อกิจการของสกาย ในวงเงินกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าวงเงินที่บริษัททเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ของนายรูเพิร์ท เมอร์ดอค เสนอที่ระดับ 2.58 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อหุ้นส่วนที่เหลือของบริษัทสกายจำนวน 61% ที่ฟ็อกซ์ยังไม่ได้ถือครอง