ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีก และเงินปอนด์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานช่วยหนุนตลาดในระหว่างวัน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,704.40 จุด ลดลง 7.97 จุด หรือ -0.10%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงจากข่าวที่ว่า บริษัทเฮาส์ ออฟ เฟรเซอร์ ประกาศปิดร้านค้าลง 31 แห่ง จากทั้งหมด 59 แห่ง โดยหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ร่วงลง 1.1% หุ้นเน็กซ์ ปรับตัวลง 0.4% หุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ดิ่งลง 2.8%
อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานได้ช่วยหนุนตลาดในระหว่างวัน โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดีดขึ้น 1.4% หุ้นบีพี พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า ปริมาณการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการคว่ำบาตร และวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ
หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านดีดตัวขึ้นหลังจากฮาลิแฟกซ์รายงานว่า ดัชนีราคาบ้านของอังกฤษในช่วงไตรมาส 2 ปรับตัวขึ้น 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยหุ้นเพอร์ซิมมอน หุ้นบาร์แรทท์ ดิเวลลอปเมนท์ และหุ้นเทเลอร์ วิมพีย์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 0.7%