ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและสันทนาการ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมกลุ่ม G7 จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้ พร้อมกับจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้าอย่างใกล้ชิด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.24% ปิดที่ 385.94 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,811.05 จุด ลดลง 19.02 จุด หรือ -0.15% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,448.36 จุด ลดลง 9.20 จุด หรือ -0.17% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,704.40 จุด ลดลง 7.97 จุด หรือ -0.10%
ดัชนีหุ้นกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและสันทนาการ ร่วงลง 1.7% โดยหุ้นอิเลียร์ กรุ๊ป ดิ่งลงกว่า 4%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง หลังจากมีรายงานว่า บริษัทเฮาส์ ออฟ เฟรเซอร์ ประกาศปิดร้านค้าลง 31 แห่ง จากทั้งหมด 59 แห่ง โดยหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ร่วงลง 1.1% หุ้นเน็กซ์ ปรับตัวลง 0.4% หุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ดิ่งลง 2.8%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากมีรายงานว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการคว่ำบาตร และวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งนี้ หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดีดขึ้น 1.4% หุ้นบีพี พุ่งขึ้น 2.2%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากนายปีเตอร์ แพรท สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ ECB กล่าวว่า ECB จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในการประชุมครั้งนี้
ทางด้านเจ้าหน้าที่คนอื่นๆของ ECB ได้ออกมาส่งสัญญาณในทิศทางเดียวกัน โดยนายคลาสส์ นอท ประธานธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการของ ECB ด้วยนั้น กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้ ECB เดินหน้าใช้มาตรการ QE ต่อไป ส่วนนายเจนส์ ไวด์แมน ประธานธนาคารกลางเยอรมนีกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ ECB จะปรับลดวงเงิน QE ภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุม G7 ซึ่งจะจัดขึ้นที่แคนาดาในวันศุกร์และวันเสาร์ที่จะถึงนี้ โดยคาดว่าที่ประชุมจะหารือในประเด็นการค้า รวมถึงกรณีที่รัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว