ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้อ่อนตัวลง ในขณะที่นักลงทุนยังระมัดวังการซื้อขายก่อนหน้าการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G7 จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้ โดยจุดยืนและท่าทีของสหรัฐและประเทศคู่ค้าต่างเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายจับตาว่า นโยบายกีดกันการค้าจะถูกตอบโต้เพิ่มเติมหรือไม่อย่างไร นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูสถถานการณ์ที่เกี่ยวกับการจัดการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือ
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 31,126.40 จุด ลดลง 386.23 จุด หรือ -1.23% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,799.69 จุด ลดลง 23.57 จุด หรือ -0.10% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,775.44 จุด ลดลง 10.37 จุด หรือ -0.58%
นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G7 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศแคนาดาในวันนี้ และเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่าที่ประชุมจะหารือในประเด็นการค้า รวมถึงกรณีที่รัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนจับตาดูว่า สหรัฐจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสมาชิก G7 ในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ จากการที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจากประเทศคู่ค้าอย่างสหภาพยุโรป (EU) แคนดา และเม็กซิโก ขณะที่ฝรั่งเศสและเยอรมนีขู่ว่าอาจจะไม่ลงนามในแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมสุดยอด G7 เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
อย่างไรก็ดี แม้ว่า การประชุมสุดยอด G7 จะยังไม่เปิดฉากขึ้น แต่เมื่อวานนี้ก็มีความคืบหน้าในกรณีของบริษัท ZTE โดยนายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัท ZTE ของจีนแล้ว โดย ZTE จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข เพื่อแลกกับการที่สหรัฐยกเลิกมาตรการลงโทษบริษัท
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ตามข้อตกลงดังกล่าว ZTE จะต้องจ่ายค่าปรับ 1 พันล้านดอลลาร์ พร้อมกับวางเงินมัดจำจำนวน 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินดังกล่าวจะถูกริบ หากพบว่าบริษัทได้กระทำความผิดอีกในอนาคต
ข้อมูลเศรษฐกิจจีนและญี่ปุ่นที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 11.63 ล้านล้านหยวน หรือ 1.82 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนยอดส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 6.14 ล้านล้านหยวน ขณะที่ยอดการนำเข้าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 12.6% แตะที่ระดับ 5.49 ล้านล้านหยวน ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในช่วงเวลาดังกล่าวที่ระดับ 6.49 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบเป็นรายปี
สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เปิดเผยการประมาณการครั้งสุดท้ายของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1 ในวันนี้ โดยระบุว่า GDP หดตัวลง 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นผลมาจากการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนที่ชะลอตัวลง
ทั้งนี้ สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นยืนยันว่า GDP ไตรมาส 1 หดตัวลง 0.6% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้น และเป็นการหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 9 ไตรมาส เนื่องจากการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% ของตัวเลข GDP นั้น ปรับตัวลง 0.1% ในไตรมาส 1 ซึ่งลดลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นซึ่งระบุว่า ขยับลงเพียง 0.001% เนื่องจากภาคครัวเรือนลดการจับจ่ายใช้สอย อันเป็นผลมาจากค่าจ้างที่ปรับตัวลดลง