ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น โดยนักลงทุนยังคงระมัดระวังการซื้อขายก่อนการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเริ่มขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนต่างหันมาจับตาการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่จะเปิดฉากขึ้นในวันพรุ่งนี้
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 31,055.65 จุด เพิ่มขึ้น 97.44 จุด, +0.31% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,762.94 จุด เพิ่มขึ้น 68.44 จุด, +0.30% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,787.98 จุด เพิ่มขึ้น 9.66 จุด, +0.54%
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของญี่ปุ่น ซึ่งไม่รวมเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมต่อเรือและสาธารณูปโภค พุ่งขึ้น 10.1% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 9.431 แสนล้านเยน หรือประมาณ 8.6 พันล้านดอลลาร์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานถือเป็นดัชนีวัดการใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทเอกชนญี่ปุ่น โดยที่ผ่านมานั้น บริษัทเอกชนญี่ปุ่นได้เพิ่มการใช้จ่ายเพื่อขยายศักยภาพด้านการผลิตในเพียงพอรองรับอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในต่างประเทศ และได้นำเครื่องจักรมาใช้แทนคนในการทำงาน เพื่อรองรับภาวะขาดแคลนแรงงานภายในประเทศ
สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐ ในการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ที่สิงคโปร์
สำนักข่าว KCNA ระบุว่า ในการประชุมครั้งนี้ นายคิมและปธน.ทรัมป์จะแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับ "การสร้างกลไกการรักษาสันติภาพอันถาวรและยั่งยืนในคาบสมุทรเกาหลี" และจะหารือกันในประเด็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์เช่นกัน
รายงานระบุว่า นายคิมได้เดินทางมายังสิงคโปร์พร้อมด้วยนายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีต่างประเทศ, นางคิม โย จอง น้องสาวของนายคิม และนายคิม ยอง ชอล เจ้าหน้าที่คนสำคัญของเกาหลีเหนือ ซึ่งเคยพบปะกับปธน.ทรัมป์ที่ทำเนียบขาวก่อนหน้านี้
นักลงทุนในตลาดการเงินต่างก็จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานและค่าจ้างแรงงานที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 223,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 188,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2543 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%
ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้น 8 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% จากเดือนเม.ย. และเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี
ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ขณะที่ตลาดการเงินคาดว่า ECB จะส่งสัญญาณปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.