ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวนในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้อนุมัติมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 25% วงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้จีนที่ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,827.77 จุด เพิ่มขึ้น 89.16 จุด หรือ +0.39% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 30,399.92 จุด ลดลง 40.25 จุด หรือ -0.13% ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฏิ้ลฟิตริ
รายงานระบุว่า ในวันนี้ คณะทำงานของปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยรายชื่อสินค้าจีนที่จะถูกปรับขึ้นการเก็บภาษีนำเข้า โดยคาดว่าจะมีสินค้าประมาณ 800-900 รายการที่อยู่ในรายชื่อ ซึ่งลดลงจากจำนวน 1,300 รายการที่เคยเปิดเผยเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจในเอเชียช่วงเช้านี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงรุกในการประชุมวันนี้ โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่าเป้าหมาย แม้ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศเริ่มแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินของ BOJ มีมติคงวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาล เพื่อให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระยะยาว เคลื่อนไหวที่ระดับ 0% และได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% โดยอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากสถาบันการเงินที่สำรองเงินฝากไว้กับ BOJ
ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ราคาบ้านในเมืองขนาดใหญ่ของจีนยังคงทรงตัวในเดือนพ.ค. หลังจากรัฐบาลจีนใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการเก็งกำไรในตลาดที่อยู่อาศัย
ในจำนวนเมืองขนาดใหญ่ 15 แห่งที่ได้รับการสำรวจนั้น มีเมือง 8 แห่งที่ราคาบ้านใหม่ปรับตัวลดลงในเดือนพ.ค. โดยลดลงอย่างหนักถึง 2.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนเมืองอีก 7 แห่งรายงานว่าราคาบ้านปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ค.
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งเกาหลีใต้เปิดเผยว่า อัตราว่างงานในเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้น 0.4% แตะที่ระดับ 4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี โดยมีสาเหตุมาจากการลดลงของตัวเลขจ้างงานในภาคค้าปลีก ภาคการผลิต และภาคการศึกษา