ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มต่างๆที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,537.92 จุด เพิ่มขึ้น 28.08 จุด หรือ +0.37%
นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มต่างๆที่ร่วงลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศต่างๆ หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐประกาศว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมออกมาตรการจำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะจีนเท่านั้น
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์ยังช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นของบริษัทเหล่านี้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 1.6% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ปรับตัวขึ้น 1%
หุ้นคาร์นิวัล พีแอลซี ปิดตลาดพุ่งขึ้น 3.1% เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรงถึง 11% เมื่อวันจันทร์ สืบเนื่องมาจากการที่ทางบริษัทประกาศลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรในปีงบการเงิน 2561
หุ้นเจ เซนส์บิวรี ร่วงลง 2.2% หลังจากแคนตาร์ เวิลด์พาเนล ซึ่งเป็นบริษัทวิจัย เปิดเผยว่า เจ เซนส์บิวรี เป็นบริษัทค้าปลีกเพียงแห่งเดียวของอังกฤษที่มียอดขายลดลงในช่วง 12 สัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 17 มิ.ย.
หุ้นเทสโก้ ร่วงลง 1.5% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยยอดขายเพิ่มขึ้น 1.4% ก็ตาม
ส่วนหุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวผันผวน หลังจากรัฐสภาอังกฤษมีมติให้ขยายสนามบินฮีทโธรว์ โดยหุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดท แอร์ไลน์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวยส์ ร่วงลง 3.5% ขณะที่หุ้นอีซี่เจ็ท ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ ปรับตัวขึ้น 1.3%