ดาวโจนส์เปิดแดนลบ กังวลสงครามการค้า,สหรัฐหั่นตัวเลข GDP Q1/61

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 28, 2018 21:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนลบในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า

นอกจากนี้ การที่สหรัฐปรับลดตัวเลขประมาณการสำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1 และการที่สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ก็เป็นอีกปัจจัยที่กระทบตลาด

ณ เวลา 20.59 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,042.70 จุด ลดลง 74.89 จุด หรือ 0.31%

หุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นวอลกรีนส์ บู้ทส์ อัลลิอันซ์ ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านขายยาทั่วสหรัฐ ร่วงลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก หลังมีข่าวว่าอเมซอนได้เข้าซื้อกิจการพิลแพค ซึ่งเป็นบริษัทขายยาออนไลน์

ทั้งนี้ หุ้นวอลกรีนส์ บู้ทส์ อัลลิอันซ์เพิ่งได้รับการนำเข้าคำนวณดัชนีดาวโจนส์เมื่อวันอังคาร แทนที่หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ที่ถูกถอดออก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาจะมอบหมายให้คณะกรรมการการลงทุนของต่างประเทศในสหรัฐ (CFIUS) เป็นผู้ดูแลในกรณีที่บริษัทต่างชาติซึ่งรวมถึงจีน ต้องการจะซื้อกิจการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐที่มีความอ่อนไหว โดยการตัดสินใจดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ถูกมองว่าไม่เข้มงวดเหมือนกับที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะใช้มาตรการสกัดกั้นบริษัทที่มีชาวจีนถือหุ้นมากกว่า 25% เข้าซื้อบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ

แต่ในเวลาต่อมา นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า แผนการที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศไปนั้น ไม่ได้บ่งชี้ว่าสหรัฐจะอ่อนข้อให้กับจีน พร้อมกับชี้แจงว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการให้คณะกรรมการ CFIUS เป็นผู้ตัดสินใจว่าเมื่อใดที่บริษัทจีนควรจะถูกระงับการเข้าถือครองบริษัทในสหรัฐ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐ

นอกจากนี้ นายคุดโลว์ย้ำว่า สหรัฐคาดหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับจีน แต่ในขณะเดียวกัน สหรัฐก็ยังคงต้องเฝ้าระวัง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ

ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของนายคุดโลว์เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนมองว่า คำกล่าวของนายคุดโลว์ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า สหรัฐจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการทางการค้าเพื่อกดดันจีนต่อไป

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1 ที่ระดับ 2.0% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3% และต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.2%

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 จะอยู่ที่ระดับ 2.2%

เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวในอัตราที่ต่ำลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ซึ่งมีการเติบโต 2.9%

ทั้งนี้ ในปี 2560 เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1.4% ในไตรมาสแรก, 3.1% ในไตรมาส 2, 3.2% ในไตรมาส 3 และ 2.9% ในไตรมาส 4

การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2,3 และ 4 ของปีที่แล้ว ถือเป็นการปรับตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วง 9 เดือนในรอบ 1 ทศวรรษ

การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ในปีนี้ มีสาเหตุจากการดิ่งลงของการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี และการชะลอตัวของสินค้าคงคลัง

ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้นเพียง 0.9% ในไตรมาส 1 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2556 โดยมีการปรับลดลงจากเดิมที่รายงานที่ระดับ 1.0% หลังจากพุ่งขึ้น 4.0% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 3% ในไตรมาส 2 ขณะที่การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนฟื้นตัว โดยได้รับอานิสงส์จากมาตรการปรับลดภาษีวงเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 227,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ