ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการไร้ความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษจาก EU (Brexit)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,615.63 จุด ลดลง 6.06 จุด หรือ -0.08%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะมอบหมายให้คณะกรรมการการลงทุนของต่างประเทศในสหรัฐ (CFIUS) เป็นผู้ดูแลในกรณีที่บริษัทต่างชาติซึ่งรวมถึงจีนนั้น ต้องการจะซื้อกิจการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐที่มีความอ่อนไหว โดยตลาดมองว่า การตัดสินใจดังกล่าวถือว่าไม่เข้มงวดเหมือนกับที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าสหรัฐจะใช้มาตรการสกัดกั้นบริษัทที่มีชาวจีนถือหุ้นมากกว่า 25% เข้าซื้อบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ
แต่ในเวลาต่อมา นายแลรี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า แผนการที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศไปนั้น ไม่ได้บ่งชี้ว่าสหรัฐจะอ่อนข้อให้กับจีน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการไร้ความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างอังกฤษและ EU ในประเด็น Brexit โดย EU ได้จัดการประชุมสุดยอดเมื่อวานนี้ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า บรรดาผู้นำของ EU จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์อังกฤษต่อความล่าช้าของการเจรจา Brexit ขณะที่บริษัทหลายแห่งออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะถูกกระทบ หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงในเร็วๆนี้
หุ้นไมโคร โฟกัส อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ร่วงลง 3.1% หุ้นเมลโรส อินดัสทรีส์ ดิ่งลง 3.1% ขณะที่หุ้นจอห์นสัน แมทธีย์ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ ดิ่งลง 2.96%
หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ดีดตัวขึ้น 3.8% ขณะที่หุ้นไชร์ และหุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส ปรับตัวขึ้น 3.1% และ 2.8% ตามลำดับ