ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุนักลงทุนกังวลผลกระทบสงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 29, 2018 07:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (28 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และบรรดาประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนซึ่งมีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.8% ปิดที่ 376.87 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,177.23 จุด ลดลง 171.38 จุด หรือ -1.39% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,275.64 จุด ลดลง 51.56 จุด หรือ -0.97% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,615.63 จุด ลดลง 6.06 จุด หรือ-0.08%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยกดดันจากการที่นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะมอบหมายให้คณะกรรมการการลงทุนของต่างประเทศในสหรัฐ (CFIUS) เป็นผู้ดูแลในกรณีที่บริษัทต่างชาติซึ่งรวมถึงจีนนั้น ต้องการจะซื้อกิจการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐที่มีความอ่อนไหว โดยตลาดมองว่า การตัดสินใจดังกล่าวถือว่าไม่เข้มงวดเหมือนกับที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าสหรัฐจะใช้มาตรการสกัดกั้นบริษัทที่มีชาวจีนถือหุ้นมากกว่า 25% เข้าซื้อบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม นายแลรี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า แผนการที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศไปนั้น ไม่ได้บ่งชี้ว่าสหรัฐจะอ่อนข้อให้กับจีน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากสถาบันวิจัย GfK เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีอยู่ที่ระดับ 10.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์วอลล์สตรีท เจอร์นัลคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 10.6 โดย GfK ระบุว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU) ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

หุ้นไมโคร โฟกัส อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ร่วงลง 3.1% หุ้นเมลโรส อินดัสทรีส์ ดิ่งลง 3.1% ขณะที่หุ้นจอห์นสัน แมทธีย์ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ ดิ่งลง 2.96%

หุ้นทุลโลว์ออยล์ ร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันในปีงบการเงิน 2561

หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ดีดตัวขึ้น 3.8% ขณะที่หุ้นไชร์ และหุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส ปรับตัวขึ้น 3.1% และ 2.8% ตามลำดับ

ส่วนหุ้นเอชแอนด์เอ็ม ปรับตัวขึ้น 1.8% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่น้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ