ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด คำสั่งซื้อหุ้นแบงก์,ไนกี้หนุนตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 29, 2018 21:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุดในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร และหุ้นไนกี้

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาการปรับตัวของดัชนีดาวโจนส์ทั้งสัปดาห์ พบว่าดัชนียังคงอยู่ในแดนลบ ขณะที่นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า

ณ เวลา 21.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,465.42 จุด เพิ่มขึ้น 249.37 จุด หรือ 1.03%

หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นไนกี้ อิงค์ ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก โดยดีดตัวขึ้น 12% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าคาดในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ของปีงบการเงินบริษัท

ทั้งนี้ ไนกี้ระบุว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 69 เซนต์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 64 เซนต์/หุ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทมียอดขายที่ระดับ 9.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.4 พันล้านดอลลาร์

หุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐพุ่งขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ธนาคารเหล่านี้สามารถผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) รอบที่ 2 ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกนพุ่งขึ้น 1% ขณะที่เวลส์ ฟาร์โกทะยานขึ้นมากกว่า 5%

นอกจากนี้ ธนาคารหลายแห่งได้เปิดเผยแผนการซื้อคืนหุ้น หรือเพิ่มการจ่ายเงินปันผล หลังจากที่สามารถผ่านการทดสอบ

เฟดระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่ 34 แห่ง จาก 35 แห่งสามารถผ่านการทดสอบ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ สามารถผ่านการทดสอบอย่างมีเงื่อนไข โดยเฟดกำหนดให้ธนาคารทั้ง 2 แห่งจ่ายเงินปันผลที่ไม่สูงกว่าระดับในปีที่แล้ว ส่วนธนาคารดอยซ์แบงก์ที่ดำเนินกิจการในสหรัฐไม่ผ่านการทดสอบ

ทั้งนี้ สถาบันการเงินใดที่ผ่านการทดสอบ จะได้รับอนุญาตให้ทำการซื้อคืนหุ้น หรือเพิ่มการจ่ายเงินปันผล

เฟดจัดการทดสอบดังกล่าว โดยมีเป้าหมายป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการเงินซ้ำรอยกับเมื่อปี 2551

นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยรัฐบาลสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันที่ 6 ก.ค. ซึ่งคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้จีนออกมาตรการตอบโต้สหรัฐ

Axios ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวในสหรัฐ รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวว่า เขาต้องการให้สหรัฐถอนตัวออกจากองค์การการค้าโลก (WTO) "เขาพูดถึงเรื่องนี้มา 100 ครั้งแล้ว เขาบอกว่าสหรัฐมักแพ้คดีใน WTO จึงทำให้ไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ใน WTO ต่อไป และ WTO ถูกทั่วโลกออกแบบมาเพื่อให้โจมตีสหรัฐ" แหล่งข่าวกล่าว อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยังไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจังเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าว นอกจากนี้ การที่สหรัฐจะถอนตัวออกจาก WTO จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส ส่วนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนพ.ค. โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนเม.ย. การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐที่ชะลอตัวในเดือนพ.ค.ได้รับผลกระทบจากการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคที่ลดลง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พุ่งขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2555 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในระดับดังกล่าวติดต่อกัน 6 เดือน เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานพุ่งขึ้น 2.0% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2555 และแตะระดับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ 2.0% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ