ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า
ณ เวลา 21.20 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,123.90 จุด ลดลง 147.51 จุด หรือ 0.61%
วันนี้นับเป็นวันแรกของการซื้อขายในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 1.8% ในการซื้อขายช่วงครึ่งปีแรก
หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโบอิ้งร่วงลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
หุ้นโบอิ้ง, แคทเธอร์พิลลาร์ และเจเนอรัล มอเตอร์ต่างปรับตัวลงมากกว่า 1% เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีการทำธุรกิจในต่างประเทศจำนวนมาก ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้า
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าสหรัฐวงเงินมากถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีต่อรถยนต์ของยุโรป
Axios ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวในสหรัฐ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ร่างกฎหมายใหม่ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยไม่ต้องได้รับการยินยอมจากสภาคองเกรส
นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าในขณะนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นจะทรุดตัวลงมากเท่าใดก็ตาม
นายรอสส์ยืนยันว่า รัฐบาลของปธน.ทรัมป์จะไม่มีวันประกาศว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้า ถ้าหากตลาดหุ้นทรุดตัวลงถึงระดับใด
"คุณไม่สามารถพิจารณาโดยอิงจากความผันผวนวันต่อวันของตลาดหุ้น ขณะที่รัฐบาลจะใช้นโยบายที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ" เขากล่าว
"ไม่มีระดับของตลาดหุ้นที่จะทำให้ปธน.ทรัมป์เปลี่ยนแปลงนโยบายการค้า โดยท่านประธานาธิบดีกำลังพยายามแก้ไขปัญหาในระยะยาวซึ่งควรได้รับการแก้ไขมานานแล้ว" นายรอสส์กล่าว
ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้ทรุดตัวลงอย่างหนัก จากการที่นักลงทุนมีความวิตกกังวลว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก