ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ก.ค.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่เป็นปัจจัยช่วยหนุนตลาด นอกจากนี้ ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวในภาคการผลิตของอังกฤษยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,593.29 จุด เพิ่มขึ้น 45.44 จุด หรือ +0.60%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอันโตฟากัสตา พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ทะยานขึ้น 2.1% อย่างไรก็ตาม หุ้นเกลนคอร์ พีแอลซี ร่วงลง 8.1% หลังจากมีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการที่เกลนคอร์เข้าไปทำธุรกิจในไนจีเรียและเวเนซุเอลา
ส่วนหุ้นบีที กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลน์ส ปรับตัวขึ้น 1.5%
ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.4 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 54.3 ในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรยังคงมีการขยายตัว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน
นักลงทุนยังคงจับตาข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยในวันศุกร์ที่ 6 ก.ค.นี้ จะเป็นวันที่สหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนจำนวนมากกว่า 800 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ทางด้านจีนก็เตรียมเก็บภาษี 25% ต่อสินค้าสหรัฐในวงเงินเดียวกันในวันดังกล่าวเช่นกัน