ตลาดหุ้นยุโรปปิดผันผวนเมื่อคืนนี้ (4 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยในวันศุกร์ที่ 6 ก.ค.นี้ ทั้งสหรัฐและจีนจะเริ่มใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้นเพียง 0.06% ปิดที่ 380.05 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,317.61 จุด ลดลง 31.53 จุด -0.26% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดที่ 5,320.50 จุด เพิ่มขึ้น 3.73 จุด, +0.07% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,573.09 จุด ลดลง 20.20 จุด -0.27%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาสถานการณ์ในวันศุกร์ที่ 6 ก.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นวันที่สหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนจำนวนมากกว่า 800 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็เตรียมเก็บภาษี 25% ต่อสินค้าสหรัฐในวงเงินเดียวกันในวันดังกล่าวเช่นกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 12-13 มิ.ย.ในวันนี้ รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ในวันพรุ่งนี้ เพื่อบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้
หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 2.1% หลังจากมีรายงานว่า บริษัท วอลแคน อินเวสเมนท์ ของนายเอนิล อาการ์วัล มหาเศรษฐีชาวอินเดีย กำลังพิจารณาแผนการเข้าซื้อธุรกิจของแองโกล อเมริกา ในแอฟริกาใต้
หุ้นเจ เซนส์บิวรี พุ่งขึ้น 3% หลังจากเจ เซนส์บิวรี ได้ยอมรับข้อเสนอการควบรวมธุรกิจจากบริษัทแอสดา ในวงเงิน 3.5 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 4.61 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
หุ้นธิสเซ่นครุปป์ (Thyssenkrupp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กของเยอรมนี ขยับขึ้น 0.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของยูบีเอสได้แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นดังกล่าว หลังจากธิสเซ่นครุปป์ได้ลงนามในข้อตกลงทางธุรกิจร่วมกับบริษัท ทาทา สตีล
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุด ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.2 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และสูงกว่าตัวเลข PMI เบื้องต้นที่ระดับ 55.0 รวมทั้งสูงกว่าระดับ 53.8 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคบริการของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว โดยดัชนี PMI อยู่สูงกว่าระดับ 50 เป็นเวลา 59 เดือนติดต่อกัน