ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ณ เวลา 19.57 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 52 จุด หรือ 0.21% สู่ระดับ 24,826 จุด
นักลงทุนไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยได้หันมาจับตาการเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 20%
ราคาหุ้นเป๊ปซี่โคพุ่งขึ้น 1.7% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้ หลังเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ บริษัทเปิดเผยว่ามีกำไร 1.61 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.52 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 1.609 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.604 หมื่นล้านดอลลาร์
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐได้เรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนจำนวนมากกว่า 800 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐในวงเงินที่เท่ากัน
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงในวันนี้ว่า จีนจะปรับเพิ่มอากรต่อต้านการทุ่มตลาด (AD) ต่อไฟเบอร์ออปติกที่นำเข้าจากสหรัฐ
กระทรวงระบุว่า จีนจะปรับเพิ่มอัตราอากรดังกล่าวจากระดับ 4.7-18.6% สู่ระดับ 33.3-78.2% โดยมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ จีนได้เรียกเก็บอากร AD ต่อไฟเบอร์ออปติกที่นำเข้าจากสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) ตั้งแต่เดือนเม.ย.2554 เป็นเวลา 5 ปี หลังจากพบว่าสหรัฐและ EU มีพฤติกรรมทุ่มตลาดไฟเบอร์ออปติกในจีน
ต่อมา ในเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว จีนได้ตัดสินใจเรียกเก็บอากร AD ต่อไฟเบอร์ออปติกที่นำเข้าจากสหรัฐและ EU ต่อไปอีก 5 ปี
อย่างไรก็ดี ในเดือนส.ค.ปีที่แล้ว จีนประกาศทบทวนอัตราการเรียกเก็บอากร AD หลังจากที่บริษัทของจีนร้องเรียนว่าบริษัทสหรัฐได้เพิ่มการทุ่มตลาดไฟเบอร์ออปติกในจีน ซึ่งส่งผลให้จีนตัดสินใจปรับเพิ่มอากร AD ต่อไฟเบอร์ออปติกที่นำเข้าจากสหรัฐในวันนี้