ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (10 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคปรับตัวขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเป๊ปซี่โค นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเริ่มหันเหความสนใจออกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และซิตี้กรุ๊ป
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,919.66 จุด พุ่งขึ้น 143.07 จุด หรือ +0.58% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,793.84 จุด เพิ่มขึ้น 9.67 จุด หรือ +0.35% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,759.20 จุด เพิ่มขึ้น 3.00 จุด หรือ +0.04%
นักวิเคราะห์จากบริษัทเอดีเอส ซิเคียวริตีส์ในสหรัฐกล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ มาจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่ดีขึ้นเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยมีการคาดการณ์ว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนหันเหความสนใจออกจากปัจจัยการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นเป๊ปซี่โค ทะยานขึ้น 4.8% หุ้นพร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิล พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นโคคา-โคลา ปรับตัวขึ้น 1.3% โดยหุ้นกลุ่มดังกล่าวดีดตัวขึ้นหลังจากเป๊ปซี่โคเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.61 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.52 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 1.609 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.604 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากข่าวการประท้วงของคนงานอุตสาหกรรมน้ำมันในนอร์เวย์และกาบอง โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.2% เอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้นกว่า 0.9% % หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ขยับขึ้น 0.2% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นมาราธอน ออยล์ เพิ่มขึ้น 0.3% และหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 0.5%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นหลังจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดตัวขึ้น 0.2% หุ้น 3M เพิ่มขึ้น 0.5% ยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 0.3% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 0.2% และหุ้นอีตัน คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.6%
หุ้นทเวนตี้ เฟิร์สท์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ของนายรูเพิร์ท เมอร์ดอค ดีดตัวขึ้น 0.4% ขณะที่หุ้นคอมแคสต์ ซึ่งเป็นบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลง 0.7% หลังจากสื่อรายงานว่าทเวนตี้ เฟิร์สท์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ เตรียมเปิดศึกทางธุรกิจกับคอมแคสต์ ด้วยการชิงยื่นข้อเสนอที่สูงขึ้นเพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัทสกาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเพย์ทีวีของยุโรป
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรที่เปิดรับสมัครโดยสถานประกอบการในสหรัฐ ลดลงสู่ระดับ 6.6 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. จากระดับ 6.8 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่มีคนว่างงานเพียง 6 ล้านคน โดยตำแหน่งงานว่างในเดือนพ.ค.มีจำนวนมากกว่าคนว่างงานเป็นครั้งที่ 2 ในรอบกว่า 20 ปี
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในวันศุกร์นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน