ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนหันเหความสนใจออกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และเริ่มมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายในตลาด
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 386.25 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,434.36 จุด เพิ่มขึ้น 36.25 จุด หรือ +0.67% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,609.85 จุด เพิ่มขึ้น 65.96 จุด หรือ +0.53% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,692.04 จุด เพิ่มขึ้น 4.05 จุด หรือ +0.05%
นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐ โดยเป๊ปซี่โคเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า กำไรในไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 1.61 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.52 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 1.609 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.604 หมื่นล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนหันเหความสนใจออกจากปัจจัยการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
หุ้นไชร์ ผู้ผลิตยารายใหญ่ ขยับขึ้น 2% หลังจากคณะกรรมการการค้าของสหรัฐได้อนุมัติให้ทาเคดา ฟาร์มาซูติคัล ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เทคโอเวอร์กิจการของไชร์ คิดเป็นวงเงิน 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการเข้าซื้อบริษัทต่างชาติครั้งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
หุ้นเทสโก ร่วงลง 2% หลังจากผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่แห่งนี้เปิดเผยว่า นายชาร์ลส์ วิลสัน ซีอีโอของเทสโกประจำประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์ จะลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเหตุผลด้านสุขภาพ
หุ้น BMW ขยับลง 0.3% หลังจากทาง BMW ประกาศความร่วมมือกับบริษัทไป่ตู้ อิงค์ เพื่อพัฒนารถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติในประเทศจีน
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความผันผวนทางการเมืองในอังกฤษ หลังจากนายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ, นายเดวิด เดวิส รัฐมนตรีฝ่ายกิจการ Brexit และนายสตีฟ เบเกอร์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีอีกคนหนึ่งที่รับผิดชอบด้านกิจการ Brexit ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ท่ามกลางความแตกแยกของคณะรัฐมนตรีอังกฤษในประเด็นการแยกตัวออกจาก EU
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของอังกฤษ หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า รัฐสภาอังกฤษควรเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นหลังจาก Brexit รวมทั้งสถานการณ์ที่ว่า อังกฤษอาจจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (EU)
ทั้งนี้ หากอังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับ EU เกี่ยวกับ Brexit ก็จะส่งผลกระทบต่องบประมาณของ EU รวมทั้งสิทธิของประชาชนในสหราชอาณาจักร และ EU ในการอาศัย และเดินทางออกนอกประเทศ