ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) โดยแรงบวกในช่วงแรกถูกสกัด เนื่องจากเงินปอนด์กลับมาแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้กลับลำบอกว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหรัฐยังคงเป็นไปได้ จากที่ก่อนหน้านี้เพิ่งแสดงความเห็นโจมตีแผน "ซอฟต์เบร็กซิต" ว่าอาจทำลายข้อตกลงการค้าอังกฤษ-สหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,661.87 เพิ่มขึ้น 10.54 จุด หรือ +0.14% ขณะที่ทั้งสัปดาห์ปรับตัวขึ้น 0.6% หลังลดลงติดต่อกันมาสองสัปดาห์
ในช่วงแรกของการซื้อขาย ดัชนีหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นไปถึง 7,716.24 หลังจากที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความเห็นว่า แผนซอฟต์ เบร็กซิต (Soft Brexit) ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ อาจทำลายข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหรัฐ
โดยเงินปอนด์ร่วงลงแตะที่ระดับ 1.3102 ดอลลาร์ หลังจากที่ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับสื่อของอังกฤษเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ปธน.ทรัมป์กล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนอังกฤษเมื่อวันพฤหัสบดีว่า แผนซอฟต์ เบร็กซิต ของนายกฯเมย์มีแนวโน้มที่จะทำลายข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ พร้อมกับเตือนว่า หากอังกฤษยังดึงดันที่จะใช้แผนดังกล่าวต่อไป สหรัฐจะหันไปทำข้อตกลงกับสหภาพยุโรปแทน
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐได้กลับคำพูดในการแถลงข่าวร่วมกับนายกฯอังกฤษในวันศุกร์ว่า โดยระบุว่า ตนยังคงสนับสนุนให้สหรัฐทำข้อตกลงการค้ากับสหราชอาณาจักรหลังเบร็กซิต ส่งผลให้เงินปอนด์กลับมาดีดตัวขึ้นแตะที่ 1.3215 ดอลลาร์
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว การอ่อนค่าของเงินปอนด์จะช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นของบริษัทเหล่านี้
สถานการณ์เศรษฐกิจและการการเมืองของอังกฤษกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน หลังจากนายเดวิด เดวิส รัฐมนตรีฝ่ายกิจการ Brexit ได้ตัดสินใจลาออก โดยกล่าวว่าเขาไม่สามารถสนับสนุนแผนการของนางเมย์ในการดำรงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ EU ต่อไป หลังจากที่อังกฤษแยกตัวออกมา พร้อมระบุว่า นางเมย์ยอมอ่อนข้อต่อ EU มากเกินไป และง่ายเกินไป
รัฐบาลอังกฤษได้เผยแพร่สมุดปกขาว (white paper) หรือรายงานสรุปเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เมื่อวันพฤหัสบดี โดยมีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตการค้าเสรีกับสภาพยุโรป (EU)
สำหรับหุ้นบวกนำโดย หุ้นไมโคร โฟกัส อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทซอฟต์แวร์และไอที พุ่ง 4.67% หุ้นดีซีซี กลุ่มบริษัทด้านบริการสนับสนุน พุ่ง 3.70% หุ้นเบอร์เบอร์รี่ บวก 2.53%
หุ้นแรนโกลด์ รีซอร์สเซส เจ้าของกิจการเหมืองทองคำ ลดลง 1.65% หุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ บริษัทยาสูบ ลบ 1.15% หุ้นวิทเบรด ธุรกิจโรงแรม ลบ 0.99%