ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นธนาคาร หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 4% ขณะที่นักลงทุนส่วนหนึ่งได้ชะลอการซื้อขายก่อนที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,064.36 จุด เพิ่มขึ้น 44.95 จุด หรือ +0.18% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,805.72 จุด ลดลง 20.26 จุด หรือ -0.26% และดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,798.43 จุด ลดลง 2.88 จุด หรือ -0.10%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 2.2% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ทะยานขึ้น 3.7% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดีดตัวขึ้น 1.7%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐ หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 63 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 57 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 2.26 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.23 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดค่าใช้จ่าย และมาตรการปรับลดอัตราภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดีดตัวขึ้น 1.2% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการภายหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ผลประกอบการและจำนวนผู้ใช้บริการของเน็ตฟลิกซ์ออกมาต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ร่วงลงกว่า 12% ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์
หุ้นอเมซอน บริษัทยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซของสหรัฐก ดีดตัวขึ้น 0.5% หลังจากอเมซอนประกาศจัดงานวัน Prime Day 2018 เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นวันช็อปปิ้งระดับโลกที่จะมีการลดราคาสินค้าสำหรับสมาชิก Prime จำนวนหลายแสนรายการเพื่อกระตุ้นยอดขายประจำปี
หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์สตีเฟล นิโคลัส ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น AMD ขณะที่หุ้นโบอิ้ง ดีดตัวขึ้น 1.5% หลังจากซีอีโอของโบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทจะประกาศการตัดสินใจในปีหน้าว่าจะเดินหน้าโครงการเครื่องบินพาณิชย์โครงการใหม่ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 ปิดในแดนลบ เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1% หุ้นเชฟรอน ปรับตัวลง 0.9% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 5.7% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ลดลง 1.1% หุ้นมาราธอน ออยล์ ดิ่งลง 6.7% และหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 1.3%
ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอ่อนแรงลง ซึ่งฉุดดัชนี Nasdaq ปิดลบเช่นกัน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.5% หุ้นแอปเปิล ขยับลง 0.2% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ลดลง 0.7%
หุ้นแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก ปรับตัวลง 0.6% หลังจากแบล็คร็อคระบุว่า บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการมูลค่า 6.299 ล้านล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.372 ล้านล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์คิงส์วิว แอสเซ็ท เมเนจเมนท์ของสหรัฐกล่าวว่า นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดจะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เช่นกัน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย