ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินปอนด์ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นลอนดอนเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองในอังกฤษอย่างใกล้ชิด หลังจากรัฐสภาอังกฤษมีมติเห็นชอบแผนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ เมื่อวานนี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,626.33 จุด เพิ่มขึ้น 25.88 จุด หรือ +0.34%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นของบริษัทเหล่านี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นอันโตฟากัสตา พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นเกลนคอร์ ดีดขึ้น 1.3% และหุ้นริโอ ทินโต ปรับตัวขึ้น 1.7% ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ขยับขึ้น 0.4% และหุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 0.5%
หุ้นรอยัล เมล ผู้ให้บริการไปรษณีย์รายใหญ่ พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2562 ยังคงแข็งแกร่ง
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ Brexit อย่างใกล้ชิด หลังจากรัฐสภาอังกฤษมีมติเห็นชอบแผนซอฟต์ เบร็กซิต (Soft Brexit) ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ เมื่อวานนี้ แม้ว่ารัฐมนตรีกระทรวงสำคัญและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ Brexit หลายคนได้ยื่นหนังสือลาออก เพื่อแสดงจุดยืนประท้วงต่อต้านแผนการดังกล่าว ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษของนายกฯเมย์ได้เสนอแผนการนำอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปอย่างราบรื่น หรือ ซอฟต์ เบร็กซิต โดยยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าที่ใกล้ชิดกับ EU ไว้ต่อไป โดยร่างกฎหมายที่ผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภาฉบับนี้จะถูกส่งต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป