ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงมอร์แกน สแตนลีย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจยังคงขยายตัวปานกลาง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,199.29 จุด เพิ่มขึ้น 79.40 จุด หรือ +0.32% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,854.44 จุด ลดลง 0.67 จุด หรือ -0.01% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,815.62 จุด เพิ่มขึ้น 6.07 จุด หรือ +0.22%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปิดตลาดทะยานขึ้น 2.8% หลังจากทางธนาคารเปิดเผยกำไรพุ่งขึ้น 39% สู่ระดับ 2.44 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2 พันล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรอยู่ที่ 1.30 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.11 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นอิริคสัน พุ่งขึ้น 8.3% ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 8.8% และหุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ปรับตัวขึ้น 3.1% หลังจากทั้ง 3 บริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 2
หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปิดตลาดขยับลงเล็กน้อย หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ประกาศปรับบริษัทกูเกิล อิงค์ เป็นเงินจำนวน 4.34 พันล้านยูโร (5.04 พันล้านดอลลาร์) เมื่อวานนี้ ในข้อหาผูกขาดตลาดด้วยการใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ในการสกัดคู่แข่งในตลาด ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎระเบียบด้านการแข่งขันของ EU
หุ้นอเมซอนปิดตลาดขยับลงเล็กน้อยเช่นกัน หลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน ภายหลังอเมซอนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดขายทั่วโลกพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ในวัน Prime Day 2018 ซึ่งเป็นวันช็อปปิ้งระดับโลกที่อเมซอนจัดขึ้น โดยมีการลดราคาสินค้าอย่างมากสำหรับสมาชิก Prime จำนวนหลายแสนรายการเพื่อกระตุ้นยอดขายประจำปี
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เขตต่างๆส่วนใหญ่รายงานว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวปานกลาง โดยมีเพียงเขตเซนต์หลุยส์เท่านั้นที่รายงานว่าเศรษฐกิจขยายตัวเล็กน้อย นอกจากนี้ เขตส่วนใหญ่รายงานว่าตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว และหลายเขตยังขาดแคลนคนงานที่มีศักยภาพ
อย่างไรก็ตาม รายงาน Beige Book ซึ่งรวบรวมรายงานภาวะเศรษฐกิจจนถึงวันที่ 9 ก.ค.นั้น ระบุว่า กลุ่มผู้ผลิตในทุกเขตได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า โดยหลายเขตรายงานว่า ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น และห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ได้รับผลกระทบจากมาตรการการค้าที่มีการนำมาใช้ในปัจจุบัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านร่วงลงมากกว่าคาดในเดือนมิ.ย. โดยดิ่งลง 12.3% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.173 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และเป็นการทรุดตัวลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2559 หลังจากเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.337 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย