ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเมืองแร่ หลังจากราคาโลหะปรับตัวลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 386.17 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,686.29 จุด ลดลง 79.65 จุด หรือ -0.62% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,417.07 จุด ลดลง 30.37 จุด หรือ -0.56% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,683.97 จุด เพิ่มขึ้น 7.69 จุด หรือ +0.10%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ฉุดราคาโลหะในตลาดโลกดิ่งลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 4.1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 1.9% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 1.2%
อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากยอดค้าปลีกที่ซบเซาของอังกฤษได้สกัดการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
หุ้นเอบีบี ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 2.8% ขณะที่หุ้นวอลโว่ ดีดตัวขึ้น 1.5% หลังจากทั้งสองบริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาดในไตรมาส 2
นักลงทุนจับตาข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐ และสภาพยุโรป (EU) อย่างใกล้ชิด โดยรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมาธิการการค้าของ EU ซึ่งมีกำหนดเจรจาประเด็นการค้ากับเจ้าหน้าที่สหรัฐในสัปดาห์หน้านั้น กำลังเตรียมเปิดเผยรายชื่อสินค้าที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ
ทางด้านทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเปิดทำเนียบขาวต้อนรับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ เพื่อหารือนโยบายต่างประเทศ, ความมั่นคง, เศรษฐกิจ รวมทั้งการต่อต้านการก่อการร้าย
ทั้งนี้ การเดินทางเยือนสหรัฐของนายยุงเกอร์มีขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า หลังสหรัฐเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจาก EU ขณะที่ EU ก็ได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐ