ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ขณะที่หุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรพุ่งขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วางแผนให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า ภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวได้ดีในเดือนก.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,241.94 จุด เพิ่มขึ้น 197.65 จุด หรือ +0.79% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,820.40 จุด เพิ่มขึ้น 13.42 จุด หรือ +0.48% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,840.77 จุด ลดลง 1.10 จุด, -0.01%
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 11.75 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 9.59 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 3.266 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.217 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของอัลฟาเบทช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นอัลฟาเบท ทะยานขึ้น 3.9% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นอเมซอน เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.7%
หุ้นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 8.4% โดยแม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ลดลง 6.4% สู่ระดับ 242.3 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 เทียบกับระดับ 258.9 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้ที่บริษัทคาดว่าจะลดลง 9-10% อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามการค้านั้น ถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นไบโอเจน พุ่งขึ้น 4.5% หุ้นเอลี ลิลลี แอนด์ โค ดีดตัวขึ้น 2.2% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นเวอไรซอน คอมมูนิเคชันส์ เพิ่มขึ้น 0.6% และหุ้น 3M ขยับขึ้น 0.4% หลังจากบริษัทเหล่านี้เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2
ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่รายงานผลประกอบการที่สดใสในไตรมาส 2 โดยบริษัทในดัชนี S&P 500 ราว 21.4% ได้รายงานผลประกอบการแล้ว ซึ่งบริษัท 80.6% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ 74.1% มีรายได้สูงกว่าคาด
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรดีดตัวขึ้นหลังจากคณะทำงานของปธน.ทรัมป์วางแผนช่วยเหลือวงเงิน 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผกระทบจากการที่ประเทศอื่นเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าเกษตรของสหรัฐเพื่อตอบโต้มาตรการทางภาษีของปธน.ทรัมป์ โดยหุ้นเดียร์ แอนด์ โค พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ปรับตัวขึ้น 1.2% และหุ้น AGCO เพิ่มขึ้น 0.6%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ค.ของสหรัฐ อยู่ที่ 55.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.4 ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ค. อยู่ที่ 56.2 ซึ่งแม้ว่าชะลอตัวลงจากระดับ 56.5 ในเดือนมิ.ย. แต่ดัชนีที่ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน