ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 112.97 จุดรับผลเจรจาการค้าสหรัฐ-EU ขณะ Nasdaq ร่วงหลังหุ้นเฟซบุ๊กดิ่งหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 27, 2018 06:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) ที่ให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกันเพื่อปูทางสู่การยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์ในวันข้างหน้า โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดร่วงลง เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นเฟซบุ๊กได้ฉุดหุ้นตัวอื่นในกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,527.07 จุด เพิ่มขึ้น 112.97 จุด หรือ+0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,837.44 จุด ลดลง 8.63 จุด หรือ -0.30% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,852.18 จุด ลดลง 80.05 จุด หรือ -1.01%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเตรียมยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ในวันข้างหน้า ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดความตึงเครียดด้านการค้าระหว่งทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ตราบใดที่การเจรจาการค้ายังคงดำเนินไป โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับการค้าสินค้าในกลุ่มรถยนต์

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และ EU โดยหุ้นโบอิ้ง ดีดตัวขึ้น 1% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 1% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ปรับตัวขึ้น 1.5% หุ้นอีตัน คอร์ป พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 0.7%

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นมาราธอน ออยล์ เพิ่มขึ้น 0.3% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.6%

หุ้นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่เปิดเผยผลประกอบการอันแข็งแกร่งต่างพากันปิดตลาดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ซึ่งรวมถึงหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ทะยานขึ้น 14.3% หุ้นซีลินซ์ อิงค์ พุ่งขึ้น 9.6% หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นเฮอร์ชีย์ ผู้ผลิตช็อคโกแลตรายใหญ่ ดีดตัวขึ้น 7.4%

หุ้นควอลคอมม์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายชิพโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ระดับโลก พุ่งขึ้น 7% หลังจากควอลคอมม์ประกาศถอนตัวจากการเสนอซื้อกิจการเอ็นเอ็กซ์พี เซมิคอนดักเตอร์ ในวงเงิน 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 1% เพราะได้รับแรงกดดันจากหุ้นเฟซบุ๊กที่ปิดตลาดร่วงลงรุนแรงถึง 19% หลังจากเฟซบุ๊กได้ปรับลดคาดการณ์ธุรกิจตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ตัวเลขคาดการณ์รายได้ของบริษัทยังออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ และการขยายตัวของกลุ่มผู้ใช้งานที่ชะลอตัวลงเช่นกัน ทั้งนี้ การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นเฟซบุ๊กได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงด้วย โดยหุ้นแอปเปิล ลดลง 0.3% หุ้นอเมซอน ดิ่งลง 3% ส่วนหุ้นทวิตเตอร์ซึ่งเป็นบริษัทโซเชียลมีเดียเช่นเดียวกับเฟซบุ๊กนั้น ปิดตลาดร่วงลง 2.9% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 217,000 ราย ในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 215,000 ราย ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ปรับตัวลง 2,750 ราย สู่ระดับ 218,000 ราย

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ