ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) หลังจากสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) ให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกันเพื่อปูทางสู่การยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์ในวันข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ได้สกัดแรงบวกของตลาดในระหว่างวัน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,663.17 จุด เพิ่มขึ้น 4.91 จุด หรือ +0.06%
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเตรียมยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ในวันข้างหน้า ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดความตึงเครียดด้านการค้าระหว่งทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ตราบใดที่การเจรจาการค้ายังคงดำเนินไป โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับการค้าสินค้าในกลุ่มรถยนต์
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า EU ได้ตกลงที่จะซื้อถั่วเหลือง และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐ และ EU จะเป็นไปในลักษณะได้ประโยชน์ร่วมกัน ตามที่สหรัฐคาดหวังไว้
อย่างไรก็ตาม การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นเชลล์ได้สกัดแรงบวกของตลาดในระหว่างวัน โดยหุ้นเชลล์ร่วงลง 6.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2 แม้ทางบริษัทประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนในวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ก็ตาม