ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าอีกครั้ง หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้คณะทำงานของรัฐบาลสหรัฐ พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ระดับ 25%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,652.91 จุด ลดลง 95.85 จุด หรือ -1.24%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ระดับ 25% จากแผนการเดิมที่ระดับ 10% วงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 54.4 ในเดือนมิ.ย. โดยการร่วงลงของดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของคำสั่งซื้อใหม่ แม้มีการเพิ่มขึ้นของการจ้างงาน
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าโลหะมีค่าและโลหะอุตสาหกรรมรายใหญ่ของโลก โดยหุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 3.4% หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 3.8% หุ้นอันโตฟากัสตา ลดลง 2.3% ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ขยับขึ้นเล็กน้อยที่ 0.6%
หุ้นเน็กซ์ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายเสื้อผ้าและของแต่งบ้าน ร่วงลง 7.1% หลังจากบริษัทคงตัวเลขคาดการณ์ยอดขายและกำไรในปี 2562 เอาไว้ที่ระดับเดิม แม้ผลประกอบการไตรมาส 2/2561 ดีดตัวขึ้นก็ตาม