ดาวโจนส์พลิกดีดตัวแดนบวก จากอานิสงส์"แอปเปิล"ทำสถิติมาร์เก็ตแคปแตะ 1 ล้านล้านดอลล์

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 3, 2018 01:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พลิกดีดตัวสู่แดนบวก โดยได้อานิสงส์จากการพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิลจนทำสถิติเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกของสหรัฐและของโลกที่มีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้

ในช่วงแรก ดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 01.13 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,356.99 จุด บวก 23.17 จุด หรือ 0.09%

การพุ่งขึ้นของราคาหุ้นแอปเปิลเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq เนื่องจากหุ้นแอปเปิลได้ถูกนำไปคำนวณทั้ง 3 ดัชนีดังกล่าว

ทั้งนี้ ราคาหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ แตะระดับ 207.05 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และส่งผลให้แอปเปิลเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกของสหรัฐและของโลกที่มีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์

ขณะนี้ ราคาหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้นราว 22% นับตั้งแต่ต้นปี และทะยานขึ้นมากกว่า 30% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นแอปเปิลด้วยเงินเพียง 1,000 ดอลลาร์ในเดือนส.ค.2551 หุ้นดังกล่าวก็จะมีค่ามากกว่า 9,222.50 ดอลลาร์ในวันนี้ โดยให้ผลตอบแทนมากกว่า 9 เท่า

แอปเปิลเปิดเผยผลประกอบการช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 3 ตามปีงบการเงินของบริษัท โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 17% อยู่ที่ระดับ 5.33 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.23 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.34 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 40% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.18 ดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ช่วงบวกของตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ในวันนี้ ขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์

"จีนเตรียมพร้อม และจะตอบโต้เพื่อรักษาเกียรติภูมิของชาติ, ผลประโยชน์ของประชาชน และปกป้องการค้าเสรี, การซื้อขายแบบพหุภาคี รวมทั้งผลประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา จีนได้เสนอแนะให้มีการแก้ไขความขัดแย้งโดยผ่านทางการเจรจาหารือ แต่อยู่บนเงื่อนไขที่ว่าเราต้องปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมกัน และให้เกียรติต่อคำพูดของเรา" แถลงการณ์ระบุ

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ระดับ 25% จากเดิมในอัตรา 10% คิดเป็นวงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยครอบคลุมสินค้าจำนวน 6,031 รายการ ตั้งแต่สินค้าเพื่อผู้บริโภคไปจนถึงสินค้าด้านการเกษตร หลังจากสหรัฐและจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้า โดยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ย.

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดวอลล์สตรีท โดยบริษัทในดัชนี S&P 500 มากกว่า 70% ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่งบริษัท 78% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ โดยผลการสำรวจระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้น 213,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และนักวิเคราะห์ยังคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 3.9%

ในเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนมิ.ย. โดยเพิ่มขึ้น 213,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.8%

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้นั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 220,000 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ