ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ส.ค.) หลังจากที่แบงก์ชาติอังกฤษประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกัน นักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.8% ปิดที่ 386.64 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,546.33 จุด ลดลง 190.72 จุด หรือ 1.50% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,460.98 จุด ลดลง 37.39 จุด หรือ 0.68% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,575.93 จุด ลดลง 76.98 จุด หรือ 1.01%
หุ้นซีเมนส์ปรับตัวลง 4.7% หลังผลกำไรปรับตัวลดลงในไตรมาส 3
หุ้นบีเอ็มดับเบิลยูขยับลง 0.4% หลังเปิดเผยผลประกอบการ
หุ้นโซซิเอเต เจเนอรัล (ซอคเจน) ร่วงลง 2.25% แม้บริษัทจะเปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบรายปีก็ตาม
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) มีมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 เสียง ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
ในการประชุมนโยบายการเงินของ BoE ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว BoE ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
BoE ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดในเดือนส.ค.2559 ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ หลังจากที่สหราชอาณาจักรลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นับจากนี้ไป BoE จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ขณะเดียวกัน นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ระดับ 25% คิดเป็นวงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ แผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% นั้น สูงกว่าแผนการที่สหรัฐเคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตรา 10% ซึ่งครอบคลุมถึงสินค้าจำนวน 6,031 รายการ ตั้งแต่สินค้าเพื่อผู้บริโภคไปจนถึงสินค้าด้านการเกษตร หลังจากสหรัฐและจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้า โดยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ย.