ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่า จีนจะออกมาประกาศเตรียมเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนักลงทุนได้ซึมซับข่าวความเคลื่อนไหวของทางการจีน รวมทั้งการที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศจัดเก็บเงินกันสำรอง 20% กับสถาบันการเงิน
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,870.07 จุด เพิ่มขึ้น 193.75 จุด, +0.70% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,626.56 จุด เพิ่มขึ้น 101.38 จุด, +0.45% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,778.54 จุด ลดลง 1.55 จุด, -0.09%
กระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษี 25%, 20%, 10% และ 5% ต่อสินค้า 5,207 รายการของสหรัฐ โดยจีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยว่า การที่จีนเตรียมเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ถือเป็นการกระทำที่สมเหตุสมผล และมีการยับยั้งชั่งใจ หลังจากที่มีการพิจารณาอย่างระมัดระวัง
โฆษกกระทรวงกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวได้ผ่านการประเมินปัจจัยต่างๆ ซึ่งรวมถึง ความเป็นอยู่ของประชาชน ความสามารถในการรับผลกระทบของภาคเอกชน และการรักษาไว้ซึ่งห่วงโซ่อุตสาหกรรมในระดับโลก
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้จัดเก็บเงินกันสำรองในสัดส่วน 20% กับสถาบันการเงินที่ทำการซื้อขายเงินตราต่างประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ได้มีการยกเลิกการจัดเก็บสัดส่วนการกันสำรองทางการเงินไปเมื่อเดือนก.ย. 2560
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ อินโดนีเซียจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 และเยอรมนีจะเปิดเผย ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย
ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นจะเปิดเผยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนมิ.ย. และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.ค. ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียจะประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย เยอรมนีจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนมิ.ย.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. และอังกฤษจะเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค.