ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอังกฤษได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อกระบวนการ Brexit ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,663.78 จุด เพิ่มขึ้น 4.68 จุด หรือ +0.06%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยปัจจัยที่ทำให้เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อคืนนี้ มาจากการที่นายเลียม ฟ็อกซ์ รมว.การค้าระหว่างประเทศของอังกฤษ ได้แสดงความเห็นว่า มีโอกาสสูงขึ้นที่อังกฤษจะไม่มีการทำข้อตกลง Brexit เนื่องจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) มีท่าทีที่ไม่ต้องการประนีประนอมกับอังกฤษ ทั้งนี้ นายฟ็อกซ์กล่าวว่าโอกาสที่อังกฤษจะประสบความล้มเหลวในการทำข้อตกลงนั้นอยู่ที่ "60-40"
หุ้นเอชเอสบีซี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของยุโรปเมื่อพิจารณาในแง่สินทรัพย์ ร่วงลง 1% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีของธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.6% ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ แตะที่ 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นจัสอีท ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งอาหารรายใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรลดลงในไตรมาส 2
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.