ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของค่าเงินตุรกีและผลกระทบที่จะลุกลามไปยังประเทศต่างๆ โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง และส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,187.70 จุด ร่วงลง 125.44 จุด หรือ -0.50% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,819.71 จุด ลดลง 19.40 จุด หรือ -0.25% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,821.93 จุด ลดลง 11.35 จุด หรือ -0.40%
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ค่าเงินตุรกีส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยค่าเงินลีราของตุรกีดิ่งลงอย่างหนักตั้งแต่วันศุกร์และอ่อนค่าลงเรื่อยมาจนถึงเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของตุรกี และผลกระทบที่จะลุกลามไปยังประเทศต่างๆ
สกุลเงินลีราร่วงลงหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้เพิ่มอัตราภาษีต่อเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากตุรกีขึ้นอีกสองเท่า โดยอัตราภาษีต่อเหล็กนำเข้าจะอยู่ที่ 50% และอลูมิเนียมอยู่ที่ 20% ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการดิ่งลงของค่าเงินตุรกีที่จะมีต่อธนาคารยุโรป โดยเฉพาะธนาคาร BBVA ของสเปน, ธนาคารยูนิเครดิตของอิตาลี และธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ของฝรั่งเศส
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตค่าเงินตุรกีได้ฉุดหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐร่วงลงเมื่อคืนนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 1.6% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 1.2% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 2.1% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.3% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวลง 1.5% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวลง 0.8%
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.3% หลังจากมีรายงานว่า นายเดวิด เวลส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง
หุ้นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 4.3% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความร่วมวงบอยคอตสินค้าของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ร่วมกับผู้บริโภคอเมริกันบางกลุ่มที่คัดค้านการย้ายฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ของผู้ผลิตเก่าแก่รายนี้ออกจากดินแดนสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม หุ้นบางตัวในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นอเมซอน เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 0.5%
นักลงทุนจับตารัฐบาลตุรกีเตรียมใช้มาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาความวิตกกังวลของตลาดหลังค่าเงินลีราของตุรกีดิ่งลงอย่างหนัก โดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า มาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนส.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค.