ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของค่าเงินลีราของตุรกี และผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีก และการผลิตภาคอุตสาหกรรม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,299.92 จุด พุ่งขึ้น 112.22 จุด หรือ +0.45% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,870.89 จุด เพิ่มขึ้น 51.19 จุด หรือ +0.65% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,839.96 จุด เพิ่มขึ้น 18.03 จุด หรือ +0.64%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ หลังจากค่าเงินลีราของตุรกีฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทรุดตัวของเศรษฐกิจตุรกี และผลกระทบที่จะลุกลามไปยังประเทศต่างๆ
นักวิเคราะห์หลายราย ซึ่งรวมถึงแบรด แมคมิลแลน นักวิเคราะห์จากคอมมอนเวลธ์ ไฟแนนเชียล เน็ตเวิร์ค ได้แสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า การทรุดตัวของค่าเงินตุรกีจะไม่ส่งผลกระทบที่ยาวนานต่อตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากตุรกีไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือยูโรโซน ดังนั้นจึงมีความเกี่ยวข้องกับธนาคารยุโรปไม่มากนัก ซึ่งจะทำให้ปัญหาไม่ลุกลามออกไป
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของโฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ โดยบริษัทเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 2 อยู่ที่ระดับ 3.05 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 2.84 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 3.046 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 3.003 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายพุ่งขึ้น 8% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 6.6%
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.889% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ต่างก็ปรับตัวขึ้น 1.2% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 1% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดีดตัวขึ้น 0.7%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดีดตัวขึ้น 0.8% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 1.2% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 2% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ เพิ่มขึ้น 0.6%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นเชฟรอน ขยับขึ้น 0.1% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 0.8% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.6% แต่หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.3%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ดัชนีราคานำเข้าทรงตัวในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนมิ.ย. ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. โดยการทรงของดัชนีราคานำเข้าเกิดจากการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสวนทางการร่วงลงของราคาสินค้าอื่นๆ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนส.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค.