ดัชนีดาวโจนส์พุ่งเกือบ 200 จุดในวันนี้ จากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐและเม็กซิโกจะบรรลุข้อตกลงการเจรจาการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ในวันนี้
ณ เวลา 20.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,979.76 จุด เพิ่มขึ้น 189.41 จุด หรือ 0.73%
เจ้าหน้าที่เม็กซิโกรายหนึ่งกล่าวต่อสำนักข่าว CNBC ในวันนี้ว่า การเจรจาข้อตกลง NAFTA ระหว่างสหรัฐและเม็กซิโกได้ข้อสรุปแล้ว และคาดว่าจะมีการประกาศการบรรลุข้อตกลงในวันนี้
คำกล่าวของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่นายอิลเดฟองโซ กัวจาร์โด รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจเม็กซิโก กล่าววานนี้ว่า การเจรจาข้อตกลง NAFTA ระหว่างสหรัฐและเม็กซิโกใกล้ได้ข้อยุติแล้ว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุน หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมยืนยันว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณว่า ทางธนาคารกลางกำลังใช้มาตรการเพื่อหนุนค่าเงินหยวน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นมาตรการที่จะช่วยผ่อนคลายความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ
ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาจีนว่าได้ทำการปั่นค่าเงินหยวน โดยจงใจทำให้หยวนอ่อนค่าลง เพื่อทำให้จีนได้เปรียบในการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ
ธนาคารกลางจีนระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค. ธนาคารกลางได้เริ่มปรับวิธีการคำนวณค่ากลางหยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งจะ"ป้องกันปัจจัยผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ" (counter-cyclical factor) โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการอ่อนค่าของสกุลเงินหยวน และทำให้ค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของธนาคารกลางจีนมีขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความรุนแรงขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศไม่สามารถตกลงกันได้ในการเจรจาการค้าที่กรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ ดิ่งลงกว่า 2% ในการซื้อขายวันนี้ หลังจากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ยกเลิกแผนในการนำบริษัทออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา นายมัสก์ได้สร้างความแตกตื่นให้กับนักลงทุน ด้วยการทวีตข้อความระบุว่า เขากำลังพิจารณานำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดที่ระดับราคา 420 ดอลลาร์/หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมด 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนายมัสก์อ้างว่าเขามีแหล่งเงินทุนจากซาอุดิอาระเบียที่จะเข้าซื้อหุ้นที่ระดับราคาดังกล่าว
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ และนักลงทุนต่างไม่มั่นใจต่อคำกล่าวอ้างของนายเทสลา ขณะที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) เตรียมสอบสวนนายมัสก์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว