ดัชนีดาวโจนส์ยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดร่วงลงกว่า 100 จุด ก่อนถึงเส้นตายการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดาในวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากวิกฤตการเงินในตุรกีและอาร์เจนตินา
ณ เวลา 22.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,011.78 จุด ลดลง 112.79 จุด หรือ 0.43%
หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงนำตลาดวันนี้
หากดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบวันนี้ ก็จะเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 วัน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แสดงความหวังว่าแคนาดาจะบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ภายในวันพรุ่งนี้
"ผมคิดว่าแคนาดามีความต้องการอย่างมากที่จะทำข้อตกลง ซึ่งมันจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยถ้าพวกเขาไม่ทำข้อตกลง" ปธน.ทรัมป์กล่าว
"เราให้เวลาถึงวันศุกร์นี้ และผมคิดว่าเราจะประสบความสำเร็จ" เขากล่าว
ทางด้านนางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รมว.ต่างประเทศแคนาดา กล่าวว่า การเจรจาข้อตกลง NAFTA กับสหรัฐ กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ และแคนาดาหวังที่จะเห็นการประนีประนอมเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้รับชัยชนะ
สกุลเงินลีราของตุรกีอ่อนค่าลงเป็นวันที่ 4 ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงส่งแรงเทขาย ท่ามกลางการขาดความเชื่อมั่นต่อค่าเงินของตุรกี หลังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของธนาคารกลางตุรกีเตรียมลาออกจากตำแหน่ง
ลีราดิ่งลงกว่า 4% สู่ระดับ 6.7422 เทียบดอลลาร์ในวันนี้ และทรุดตัวลงราว 40% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
ทั้งนี้ สื่อรายงานว่า นายเออร์คาน คิลิมซี รองผู้ว่าการธนาคารกลางตุรกี และเป็นสมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงิน เตรียมลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเข้ารับตำแหน่งกรรมการของธนาคารเพื่อการพัฒนาตุรกี
นักลงทุนมองว่าหากข่าวนี้เป็นความจริง ก็จะเป็นการแสดงถึงความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและธนาคารกลางตุรกี หลังจากที่นายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี มักวิพากษ์วิจารณ์ธนาคารกลางเกี่ยวกับนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเขาต้องการเน้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ มากกว่าการควบคุมเงินเฟ้อ
นักลงทุนจับตาวิกฤตการเงินในอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในละตินอเมริกา โดยมีความกังวลกันว่ารัฐบาลอาร์เจนตินาอาจผิดนัดชำระหนี้จำนวนมาก
ธนาคารกลางอาร์เจนตินาประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 15% ในวันนี้ สู่ระดับ 60% จากเดิมที่ระดับ 45% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ และชะลอการดิ่งลงของค่าเงินเปโซอาร์เจนตินา
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอาร์เจนตินายังได้ประกาศปรับเพิ่มเงินทุนสำรองที่ธนาคารพาณิชย์ต้องฝากไว้ที่ธนาคารกลางในการคุมเข้มนโยบายการคลัง และพยุงค่าเงินเปโซ
ทั้งนี้ เปโซดิ่งลง 15% ในวันนี้ แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 39 เทียบดอลลาร์
ขณะนี้เปโซร่วงลงมากกว่า 45% เมื่อเทียบดอลลาร์ในปีนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา และเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น 25.4% ในปีนี้
ประธานาธิบดีเมาริซิโอ มาครี ของอาร์เจนตินา ได้เรียกร้องให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เร่งการเบิกจ่ายเงินกู้วงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ที่มีการอนุมัติก่อนหน้านี้ เพื่อรับมือกับวิกฤติการเงินในประเทศ
ทางด้าน IMF ออกแถลงการณ์ระบุว่า IMF จะพิจารณาทบทวนแผนเศรษฐกิจของรัฐบาลอาร์เจนตินา โดยจะพุ่งเป้าไปที่การดำเนินมาตรการที่จะป้องกันไม่ให้อาร์เจนตินาได้รับผลกระทบจากภาวะไร้เสถียรภาพในตลาดการเงินโลก
นอกจากนี้ IMF ยังระบุว่า IMF มีแผนที่จะใช้มาตรการเข้มงวดมากขึ้นด้านการเงินและการคลังต่ออาร์เจนตินา
ทั้งนี้ รัฐบาลอาร์เจนตินาได้บรรลุข้อตกลงเงินกู้กับ IMF ในช่วงต้นปีนี้ หลังจากที่เปโซทรุดตัวลงอย่างหนัก โดยเงินกู้วงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมีอายุ 3 ปีดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อพยุงเศรษฐกิจอาร์เจนตินา และแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งสูงเกือบ 30% ต่อปี จนทำให้อาร์เจนตินาติดกลุ่มประเทศที่มีเงินเฟ้อสูงที่สุดในโลก
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากลดลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์
ทั้งนี้ จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 214,000 ราย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเท่ากับตัวเลขการใช้จ่ายในเดือนมิ.ย.
การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนก.ค.ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานดีดตัวขึ้น 2.0% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟด หลังจากอยู่ที่ระดับ 1.9% ติดต่อกัน 3 เดือน
ก่อนหน้านี้ ดัชนี PCE พุ่งแตะระดับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ 2.0% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2555
ราคาหุ้นอเมซอนพุ่งขึ้นทะลุ 2,000 ดอลลาร์ในการซื้อขายวันนี้ โดยได้ดีดตัวขึ้นหลังจากเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทไม่นาน สู่ระดับ 2,009.67 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ราคาหุ้นอเมซอนทะยานขึ้น หลังจากที่มอร์แกน สแตนลีย์ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นอเมซอนสูงกว่านักวิเคราะห์รายอื่นๆในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยระบุถึงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นอเมซอนที่ overweight พร้อมกับปรับเพิ่มราคาเป้าหมายระยะ 12 เดือน สู่ระดับ 2,500 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าระดับปิดตลาดวานนี้ถึง 25.1% และเป็นระดับที่สูงกว่านักวิเคราะห์รายอื่นๆ จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายที่ระดับ 1,850 ดอลลาร์
ราคาหุ้นอเมซอนพุ่งขึ้น 70.9% จากต้นปีนี้ และปรับตัวขึ้นมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
หากราคาหุ้นอเมซอนแตะระดับ 2,500 ดอลลาร์ จะทำให้มูลค่าตลาดของอเมซอนพุ่งแตะระดับ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์
บริษัทแคมป์เบลล์ ซุป เปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ยอดขายต่ำกว่าคาด
นอกจากนี้ บริษัทยังระบุแผนการขายกิจการบริษัทในเครือในต่างประเทศ 2 แห่ง รวมทั้งขายธุรกิจอาหารสด
ทั้งนี้ บริษัทเปิดเผยกำไรที่ระดับ 25 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 24 เซนต์/หุ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทมียอดขาย 2.22 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.24 พันล้านดอลลาร์