ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาในประเด็นที่อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป EU (Brexit)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.3% ปิดที่ 385.36 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,494.24 จุด ลดลง 67.44 จุด หรือ -0.54% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,478.06 จุด ลดลง 23.27 จุด หรือ -0.42% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,478.06 จุด ลดลง 23.27 จุด หรือ -0.42%
นายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป (EU) ในประเด็นการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) กล่าวว่า ยุโรปจะต้องเตรียมตัวรับมือกรณีที่อังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง
"EU จำเป็นจะต้องรับมือกับทุกสถานการณ์ ซึ่งรวมถึงกรณีที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกัน" เขากล่าว
นายบาร์นิเยร์ยังระบุว่า ประเด็นชายแดนไอร์แลนด์กับไอร์แลนด์เหนือถือเป็นประเด็นที่มีความเปราะบางมากที่สุด
นายบาร์นิเยร์ระบุดังกล่าว หลังจากที่กล่าวก่อนหน้านี้ว่า EU เตรียมเสนอให้อังกฤษได้รับสถานะการเป็นหุ้นส่วนที่ไม่เคยมีมาก่อน หลังจากการแยกตัวออกจาก EU แต่ EU จะไม่อนุญาตให้มีการดำเนินการใดๆที่จะทำให้ระบบตลาดเดี่ยวของ EU อ่อนแอไป
ทางด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เจ้าหน้าที่อังกฤษและ EU ได้เลื่อนกำหนดเส้นตายในการเจรจา Brexit ออกไปเป็นกลางเดือนพ.ย. เนื่องจากยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า ถึงแม้เจ้าหน้าที่อังกฤษ และ EU เปิดเผยต่อสาธารณชนว่า พวกเขาต้องการที่จะบรรลุข้อตกลง Brexit ภายในวันที่ 18 ต.ค. หรือภายในอีก 7 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นการประชุมสุดยอดผู้นำ EU แต่เบื้องหลังแล้ว พวกเขายอมรับว่าสิ่งนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้
แหล่งข่าวระบุว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่อังกฤษ และ EU ตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลง Brexit ภายในกลางเดือนพ.ย.เป็นอย่างช้าที่สุด
การเลื่อนเส้นตายดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายยังคงประสบปัญหาในการเจรจา และการกำหนดเส้นตายในเดือนพ.ย.ก็เป็นการส่งสัญญาณว่า EU อาจจัดการประชุมฉุกเฉินในเดือนดังกล่าวเพื่อพิจารณาเรื่องนี้
ทั้งนี้ ผู้นำ EU มีกำหนดหารือกรณี Brexit ในการประชุมสุดยอดที่เมืองซัลส์บูร์กในกลางเดือนก.ย. และอีกครั้งหนึ่งในเดือนต.ค.ที่กรุงบรัสเซลส์
หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงหนักสุด โดยหุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 1.1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 1.7% หุ้นดอยช์ แบงก์ ลดลง 1.7% และหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ดิ่งลง 1.6%
หุ้นแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ปรับตัวลง 1.7% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านแรงงาน