ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ ซึ่งเป็นวันซื้อขายวันแรกของเดือนก.ย. ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า
ณ เวลา 21.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,849.92 จุด ลดลง 114.90 จุด หรือ 0.44%
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดทำการวานนี้ เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ
ข้อมูลจาก "Stock Trader's Almanac" ระบุว่า เดือนก.ย.ถือเป็นเดือนที่ไม่ถูกโฉลกสำหรับนักลงทุนในตลาด โดยนับตั้งแต่ปี 2493 เดือนก.ย.เป็นเดือนที่ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของปี
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเฉลี่ย 0.70% ในเดือนก.ย. ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงเฉลี่ย 0.5% ส่วนดัชนี Nasdaq ซึ่งเริ่มเปิดตัวในปี 2514 ติดลบเฉลี่ย 0.5% ในเดือนก.ย.
ขณะเดียวกัน เดือนส.ค.ในปีนี้ ถือเป็นเดือนส.ค.ที่ปรับตัวดีที่สุดในรอบกว่า 4 ปี โดยดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ต่างก็สามารถทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดตลอดกาล ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพียง 2.5%
นายฟิลิป ฮิลเดแบรนด์ รองประธานบริษัทแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า นโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นสิ่งที่สร้างความเสี่ยงมากที่สุดต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ต่อข้อถามที่ว่า เขาเชื่อว่าปธน.ทรัมป์เป็นภัยคุกคามเศรษฐกิจโลกมากกว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือไม่ นายฮิลเดแบรนด์กล่าวว่า "ผมขอบอกว่านโยบายการค้าของรัฐบาลสหรัฐถือเป็นความเสี่ยงใหญ่ที่สุดต่อเศรษฐกิจโลก"
นายฮิลเดแบรนด์ระบุว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปถือเป็นกระบวนการที่เหมาะสม และมีความจำเป็น
เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และยังส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นในเดือนนี้ และเดือนธ.ค. รวมทั้งมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้า
ทางด้านสหรัฐเตรียมทำสงครามการค้ารอบใหม่กับจีนในสัปดาห์นี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปธน.ทรัมป์เตรียมเดินหน้าตามแผนเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์กล่าวกับคนสนิทของเขาว่า เขาจะทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าของจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ทันทีที่มาตรการดังกล่าวได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้
การทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังจากที่การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในวันที่ 22-23 ส.ค.ได้สิ้นสุดลง โดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันคิดเป็นวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์แคนาดาร่วงลงเทียบดอลลาร์สหรัฐในวันนี้ หลังปธน.ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐและเม็กซิโกสามารถเดินหน้าต่อไปโดยไม่ต้องมีแคนาดาในการทำข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่
ทั้งนี้ ดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลง 0.4% สู่ระดับ 1.3150 เทียบดอลลาร์สหรัฐในวันนี้
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความในวันเสาร์ที่ผ่านมา ระบุว่า "ไม่มีความจำเป็นทางการเมืองที่จะให้แคนาดาอยู่ในข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ ซึ่งถ้าเราไม่สามารถทำข้อตกลงที่เป็นธรรมสำหรับสหรัฐ หลังจากที่ถูกเอาเปรียบมานานหลายสิบปี แคนาดาก็ต้องออกไป และสภาคองเกรสก็ไม่ควรเข้าแทรกแซงในการเจรจา มิฉะนั้น ผมจะยกเลิกข้อตกลง NAFTA โดยสิ้นเชิง ซึ่งจะเป็นเรื่องดีกว่าสำหรับเรา"
สหรัฐและแคนาดาจะกลับมาเจรจาข้อตกลง NAFTA ในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในวันศุกร์ที่ผ่านมา