ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขาย พร้อมกับจับตาการเจรจาการเจรจาระหว่างสหภาพยุโรป (EU) และอังกฤษ ในกรณีที่อังกฤษเตรียมแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นอกจากนี้ ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดเช่นกัน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,273.54 จุด ลดลง 5.76 จุด หรือ -0.08%
นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างสหภาพยุโรปและอังกฤษ ในกรณีที่อังกฤษเตรียมแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยนายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่าย EU ในประเด็น Brexit กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ EU จะบรรลุข้อตกลง Brexit กับอังกฤษภายในเวลา 6-8 สัปดาห์
ทางด้านโฆษกของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า นางเมย์จะเดินทางไปยังเมืองซัลส์บรูกในสัปดาห์หน้าเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการของ EU โดยนางเมย์จะใช้โอกาสนี้ในการเจรจากับผู้นำ EU เกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ผู้นำ EU จะหารือร่วมกันเกี่ยวกับสมุดปกขาวของรัฐบาลอังกฤษซึ่งได้รวบรวมข้อเสนอ Brexit
หุ้นแอนทีด กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทเช่าซื้ออุปกรณ์ พุ่งขึ้น 5.18% ทำสถิติพุ่งขึ้นสูงสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนี FTSE 100 ขณะที่หุ้นไชร์ ดีดตัวขึ้น 1.8% และหุ้นไรท์มูฟ พุ่งขึ้น 1.5%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่ของอังกฤษร่วงลง โดยนหุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส ดิ่งลง 3.3% และหุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ลดลง 2.7% ส่วนหุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองทองคำ ปรับตัวลง 2.2%