ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 21.26 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,965.08 จุด ลบ 5.98 จุด หรือ 0.02%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นสวนทางตลาดในวันนี้ นำโดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 1% ทะลุระดับ 70 ดอลลาร์ในวันนี้ จากการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาด
ณ เวลา 21.07 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 92 เซนต์ หรือ 1.33% สู่ระดับ 70.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
จีนเตรียมขอการอนุมัติจากองค์การการค้าโลก (WTO) ในสัปดาห์หน้าเพื่อทำการคว่ำบาตรสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ ระเบียบวาระการประชุมของ WTO ระบุว่า จีนจะขออำนาจในการคว่ำบาตรสหรัฐในการประชุมคณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของ WTO ในวันที่ 21 ก.ย.
คำร้องของจีนระบุว่า สหรัฐไม่ปฏิบัติตามคำตัดสินของ WTO กรณีความขัดแย้งเกี่ยวกับการที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดจากจีน ซึ่งจีนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ WTO ในปี 2556
ทางด้านนายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนจะตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่วงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ นอกเหนือจากที่มีแผนเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้
ทั่วโลกกำลังจับตาท่าทีของปธน.ทรัมป์ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์เมื่อใด หลังจากผ่านพ้นกำหนดเส้นตายในวันที่ 6 ก.ย.สำหรับการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐต่อมาตรการดังกล่าว
"หากสหรัฐเดินหน้าเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนครั้งใหม่ จีนก็จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการดำเนินการตอบโต้เพื่อใช้สิทธิอันชอบธรรมของเรา" นายเกิงกล่าว
ขณะนี้ สหรัฐและจีนได้ดำเนินการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าแต่ละฝ่ายในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เดือนก.ค. ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้ารุนแรงขึ้น แม้มีการเจรจาแก้ไขข้อพิพาททางการค้าหลายรอบ
เมื่อเดือนที่แล้ว จีนเปิดเผยรายชื่อสินค้าสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ที่จีนเตรียมตอบโต้ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
ทางด้านภาคธุรกิจสหรัฐได้รวมตัวกันใช้ชื่อว่า Americans for Free Trade เพื่อต่อต้านนโยบายการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
กลุ่มดังกล่าวประกอบด้วยบริษัทที่มาจากอุตสาหกรรมต่างๆ นับตั้งแต่การผลิตของเล่นไปจนถึงเทคโนโลยี
กลุ่ม Americans for Free Trade ได้ทำการรณรงค์โดยใช้ชื่อว่า Tariffs Hurt the Heartland โดยมีการซื้อโฆษณา และจัดการประชุมในรัฐต่างๆ
นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังได้เชิญชวนให้สมาชิกสภาคองเกรสคัดค้านนโยบายการค้าของปธน.ทรัมป์ โดยเรียกร้องให้มีการเข้าร่วมงานรณรงค์ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าที่รัฐเพนซิลเวเนีย อิลลินอยส์ และเทนเนสซี
ในช่วงการทำประชาพิจารณ์ต่อแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์นั้น ภาคธุรกิจต่างก็ได้แสดงความเห็นคัดค้าน โดยระบุว่าสิ่งนี้จะกระทบต่อห่วงโซ่การผลิต ขณะที่เพิ่มค่าใช้จ่าย และทำให้ต้องมีการปรับเพิ่มราคาสินค้า
ขณะเดียวกัน ตลาดยังจับตาแอปเปิล อิงค์ ซึ่งเตรียมเปิดตัว iPhone ใหม่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆในเวลาเที่ยงคืนนี้ตามเวลาไทย ที่สตีฟ จ็อบส์ เธียเตอร์
สื่อคาดการณ์ว่า แอปเปิลจะเปิดตัว iPhone ใหม่ 3 รุ่นในงานดังกล่าว โดยทั้งหมดจะถูกออกแบบให้อิงตาม iPhone X โดยรุ่นหนึ่งจะใช้ชื่อว่า iPhone XS Max ที่มีขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้วแบบ OLED ซึ่งเป็น iPhone ที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่แอปเปิลเคยผลิตมา ส่วนอีกรุ่นหนึ่งใช้ชื่อว่า iPhone XS จะมีขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้วแบบ OLED เท่ากับ iPhone X ในปัจจุบัน แต่ได้รับการอัพเกรด และอีกรุ่นหนึ่งใช้ชื่อ iPhone XR ที่มีราคาไม่แพง แต่เพียบพร้อมด้วยฟีเจอร์หลักๆ ของรุ่นเรือธง โดยมีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้วแบบ LCD
iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นดังกล่าวต่างก็มีฟีเจอร์ Face ID ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกเครื่องด้วยการสแกนใบหน้า แทนการสแกนลายนิ้วมือ ขณะที่แอปเปิลจะเพิ่มขนาดแบตเตอรี่ใน iPhone รุ่นใหม่ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้งานได้นานกว่ารุ่นเดิม
แหล่งข่าวระบุว่า แอปเปิลจะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การตั้งราคา iPhone ในปีนี้ จากเดิมที่นิยมตั้งให้มีราคาแพง เพื่อให้มีราคาขายเฉลี่ย (average selling price) หรือ ASP อยู่ในระดับสูง โดยได้ตั้งราคา iPhone X ในการเปิดตัวในปีที่แล้วตั้งต้นจากระดับ 999 ดอลลาร์ ไปจนถึง 1,149 ดอลลาร์ ซึ่งได้ทำให้ตัวเลข ASP ของ iPhone อยู่ที่ระดับ 724 ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี แอปเปิลจะปรับกลยุทธ์การตั้งราคา iPhone ให้ต่ำลงในปีนี้ โดย iPhone XS Max ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่แอปเปิลเคยผลิตมา จะมีราคา 900-1,000 ดอลลาร์ ส่วน iPhone XS จะมีราคา 800-900 ดอลลาร์ และ iPhone XR จะมีราคา 600-700 ดอลลาร์
แอปเปิลหวังว่าโครงสร้างราคาดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถจำหน่าย iPhone จำนวนมากขึ้น ซึ่งจะหนุนผลกำไรให้แก่บริษัทในที่สุด
นอกจากนี้ แอปเปิลจะเปิดตัว MacBook Air รุ่นใหม่ และ Mac Mini ที่มีการอัพเกรด รวมทั้ง Apple Watch รุ่นใหม่ และ iPad ที่มีการอัพเกรด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.1% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค.
การปรับตัวลงของดัชนี PPI มีสาเหตุจากการร่วงลงของราคาอาหาร และค่าใช้จ่ายในภาคบริการ แม้ว่าราคาพลังงานดีดตัวขึ้น
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 2.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนก.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบรายปี
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนก.ค.