ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 27.86 จุดรับข่าวสหรัฐเล็งเจรจาการค้าจีน ขณะ Nasdaq ปิดลบหลังหุ้นเทคโนฯร่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 13, 2018 06:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐเตรียมเจรจาการค้าครั้งใหม่กับจีน อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวลง ซึ่งรวมถึงหุ้นแอปเปิล แม้ทางบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ iPhone ใหม่ 3 รุ่นเมื่อวานนี้ก็ตาม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,998.92 จุด เพิ่มขึ้น 27.86 จุด หรือ +0.11% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,888.92 จุด เพิ่มขึ้น 1.03 จุด หรือ +0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,954.23 จุด ลดลง 18.25 จุด หรือ -0.23%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐกำลังหาทางเริ่มต้นเจรจาการค้าครั้งใหม่กับจีน โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้ส่งจดหมายไปยังเจ้าหน้าที่จีน เพื่อเชิญให้เข้าร่วมการเจรจาแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้า

รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ภาคธุรกิจสหรัฐได้รวมตัวกันใช้ชื่อว่า Americans for Free Trade เพื่อต่อต้านนโยบายการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยกลุ่มดังกล่าวได้ทำการรณรงค์โดยใช้ชื่อว่า Tariffs Hurt the Heartland โดยมีการซื้อโฆษณา และจัดการประชุมในรัฐต่างๆ พร้อมกับเชิญชวนให้สมาชิกสภาคองเกรสเข้าร่วมงานรณรงค์ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าที่รัฐเพนซิลเวเนีย อิลลินอยส์ และเทนเนสซี

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 2.4% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดตัวขึ้น 1.6% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 0.2% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 1.1% และหุ้นอีตัน คอร์ป ดีดขึ้น 1.07%

หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นบอช เฮลธ์ ทะยานขึ้น 14% ขณะที่หุ้นโฟมิกซ์ ฟาร์มาซูติคัล พุ่งขึ้น 3.2%

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.2% เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ผลิตภัณฑ์ iPhone ใหม่ 3 รุ่นที่แอปเปิลประกาศเปิดตัวเมื่อวานนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก โดย iPhone ทั้ง 3 รุ่นได้แก่ iPhone Xs Max, iPhone Xs และ iPhone XR

ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.4% หุ้นทวิตเตอร์ ดิ่งลง 3.7% หุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ลดลง 1.5% หุ้นฟิทบิท ดิ่งลง 6.9% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 4.3% และหุ้นแอพพลายด์ แมทีเรียล ร่วงลง 2%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.961% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 1.2% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.4% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ลดลง 0.8% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 2.5%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐขยายตัวในระดับปานกลาง ขณะที่ภาคธุรกิจยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะใกล้ อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้า เนื่องจากการที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเมื่อไม่นานมานี้ ได้ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าปรับตัวสูงขึ้นทั่วสหรัฐ

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.1% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ