ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 92.55 จุด วิตกสงครามการค้าสหรัฐ-จีน,หุ้นเทคโนฯร่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 18, 2018 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน โดยรายงานล่าสุดระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มค้าปลีกยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,062.12 จุด ลดลง 92.55 จุด หรือ -0.35% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,888.80 จุด ลดลง 16.18 จุด หรือ -0.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,895.79 จุด ลดลง 114.25 จุด หรือ -1.43%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% คิดเป็นวงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้

นักลงทุนจับตาดูท่าทีของจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากที่สื่อรายงานก่อนหน้านี้ว่า จีนอาจยกเลิกการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ถ้าหากสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์

ด้านปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความก่อนที่จะประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนครั้งใหม่เมื่อวานนี้ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าได้สร้างความได้เปรียบแก่สหรัฐ ทำให้สหรัฐมีรายได้ และมีการสร้างงานมากขึ้น

"การเก็บภาษีนำเข้าได้ทำให้สหรัฐมีความได้เปรียบอย่างมากในการเจรจาต่อรอง และทำให้เม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ และการสร้างงานกลับเข้ามาในประเทศของเรา ขณะที่ค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ถ้าประเทศใดไม่ทำข้อตกลงที่เป็นธรรมกับเรา ประเทศเหล่านั้นก็จะต้องถูกเก็บภาษีนำเข้า" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.1% หุ้นแอปเปิล ลดลง 2.7% หุ้นอเมซอน ร่วงลง 3.2% และหุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวลง 2.7% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 3.9% หุ้นทวิตเตอร์ ดิ่งลง 4.2% หุ้นสแนป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสแนปแชท ร่วงลง 1.1% หุ้นไมโครอน เทคโนโลยีส์ ดิ่งลง 1.6% หุ้นอินเทล ปรับตัวลง 0.3%

ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลร่วงลง แม้สื่อรายงานว่า สมาร์ทวอทช์จะไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนก็ตาม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ แอปเปิลได้ออกมายอมรับว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์จะกระทบธุรกิจของบริษัท ซึ่งรวมถึงยอดขาย Apple Watch และ AirPods รวมทั้งอแดปเตอร์ และเครื่องชาร์จไฟฟ้า เนื่องจากจีนเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของแอปเปิล

หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นโคล์ท ดิ่งลง 2% หุ้นเมซีย์ ร่วงลง 3% หุ้นทาร์เก็ต ปรับตัวลง 0.7% และหุ้น Lowe's ลดลง 0.1%

หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ปรับตัวลง 0.5% หลังจากนายทอม เฮเยส ซีอีโอของไทสัน ฟูดส์ ประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลส่วนตัว

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 2/2561, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ