ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 158.80 จุด รับหุ้นแบงก์ดีดแรงหลังบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 20, 2018 06:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนมองว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะไม่รุนแรงมากเท่ากับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นำโดยหุ้นไมโครซอฟท์ที่ดิ่งลงหนักสุด หลังจากบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,405.76 จุด เพิ่มขึ้น 158.80 จุด หรือ +0.61% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,907.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.64 จุด หรือ +0.13% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,950.04 จุด ลดลง 6.07 จุด หรือ -0.08%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนม.ค.ปีนี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.812% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.076%

ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ต่างก็พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 2.6% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ทะยานขึ้น 3.2% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวขึ้น 2.5% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดีดตัวขึ้น 1.3%

หุ้นไบเออร์ ซึ่งเป็นบริษัทยาและเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของเยอรมนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปรับตัวขึ้น 1.1% หลังจากบริษัทวางแผนสู้คดี จากกรณีที่มอนซานโต ซึ่งเป็นบริษัทในเครือไบเออร์ ถูกฟ้องร้องในข้อกล่าวหาที่ว่า ผลิตภัณฑ์ยาฆ่าหญ้า "ราวน์อัพ" ซึ่งมีสารไกลโฟเสท ส่งผลให้มีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ขณะที่มอนซานโตยืนยันว่า ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์กว่า 800 กรณีได้สนับสนุนความจริงที่ว่า สารไกลโฟเสทไม่ได้เป็นสารก่อมะเร็ง

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากสหรัฐและจีนต่างเรียกเก็บภาษีนำเข้าในระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวขึ้น 0.4% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นอีตัน คอร์ป พุ่งขึ้น 1.2% และหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 1.6%

หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นไป่ตู้ พุ่งขึ้น 4.4% หุ้น JD.com พุ่งขึ้น 4.5% และหุ้นอาลีบาบา ทะยานขึ้น 3.8%

อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นำโดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 1.3% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลเกือบ 10% แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์มอร์แกน สแตนลีย์ ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.7% หุ้นอเมซอนดอทคอม ลดลง 0.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 0.2% หุ้นไมโครอน เทคโนโลยีส์ ลดลง 0.6%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ รวมถึงตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 9.2% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.282 ล้านยูนิต จากระดับ 1.174 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. ขณะที่ตัวเลขการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐลดลง 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 สู่ระดับ 1.015 แสนล้านดอลลาร์

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ