ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดพุ่งขึ้นหลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นแอปเปิลและไมโครซอฟท์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,656.98 จุด พุ่งขึ้น 251.22 จุด หรือ +0.95% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,930.75 จุด เพิ่มขึ้น 22.80 จุด หรือ +0.78% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,028.23 จุด เพิ่มขึ้น 78.19 จุด หรือ +0.98%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่นับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสหรัฐและจีนต่างก็เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่ไม่มากเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับการแสดงความเห็นของนายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพี มอร์แกน เชส ซึ่งกล่าวว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในขณะนี้ เป็นเพียงการทะเลาะเบาะแว้งกันในทางการค้า ไม่ใช่การทำสงครามการค้า
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทโบอิ้งและแคทเธอร์พิลลาร์ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศนั้น ได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลต่อข้อพิพาทการค้า โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นโบอิ้ง ปรับขึ้น 0.6% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นอีตัน คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 0.9% และหุ้น 3M ปรับตัวขึ้น 1%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนบวก โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.7% แอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.3% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ดีดตัวขึ้น 0.9%
หุ้นไนกี้พุ่งขึ้น 1.1% หลังจากมีรายงานว่า ยอดขายสินค้าทางออนไลน์ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นับตั้งแต่ไนกี้ตัดสินใจเลือกโคลิน แคเปอร์นิค อดีตควอเตอร์แบ็คของทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนน์เนอร์ส ในลีกอเมริกันฟุตบอล NFL ให้แสดงในโฆษณาชุดใหม่ของไนกี้ ภายใต้แคปเปญ "Just Do It"
หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬาชั้นนำ ทะยานขึ้น 6.6% หลังจากบริษัทประกาศปรับลดจำนวนพนักงานลง 3% ตามแผนการกระตุ้นรายได้ของบริษัท
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดีดตัวขึ้น 0.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดีดตัวขึ้น 0.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 201,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 210,000 ราย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต