ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในสหราชอาณาจักรพุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,367.32 จุด เพิ่มขึ้น 36.20 จุด หรือ +0.49%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในสหราชอาณาจักรปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. จากเดือนก.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 0.2%
หากเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.3% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้เช่นกัน
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
หุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากบริษัทเหมืองรายใหญ่แห่งนี้ได้ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนมูลค่ารวม 3.2 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนยังคงติดตามการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (EU) และอังกฤษ ในประเด็นที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยล่าสุดนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป กล่าวว่า ข้อเสนอของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับ Brexit นั้น ไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะบ่อนทำลายระบบตลาดเดี่ยวของ EU
นายทัสค์กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ หลังจากที่ EU จัดการประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการ 2 วันเพื่อหารือข้อเสนอ Brexit ของฝ่ายอังกฤษ
ทั้งนี้ นายทัสค์หวังว่าจะมีความคืบหน้ามากขึ้นในการเจรจากับอังกฤษในเดือนหน้า ก่อนที่จะตัดสินใจว่า EU จะมีการจัดการประชุมสุดยอดนัดพิเศษในเดือนพ.ย.หรือไม่ เพื่อทำการสรุป และให้การยอมรับอย่างเป็นทางการสำหรับข้อตกลง Brexit โดยหาก EU มีการตัดสินใจจัดการประชุมสุดยอดนัดพิเศษในเดือนพ.ย. ก็จะมีการจัดการประชุมในวันที่ 17-18 พ.ย.