ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศได้เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าครั้งใหม่เมื่อวานนี้ อย่าไรก็ตาม หุ้นสกาย และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส พุ่งขึ้นสวนทางการติดลบของตลาด ขานรับข่าวการซื้อกิจการ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 382.47 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,350.82 จุด ลดลง 80.06 จุด หรือ -0.64% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,476.17 จุด ลดลง 18.00 จุด หรือ -0.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,458.41 จุด ลดลง 31.82 จุด หรือ -0.42%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงหลังจากรัฐบาลสหรัฐบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนครั้งใหม่ในวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ ขณะที่รัฐบาลจีนบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐครั้งใหม่ในวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันเดียวกัน ขณะเดียวกันมีรายงานว่า จีนได้ยกเลิกแผนการส่งนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เดินทางไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อเจรจาการค้ากับสหรัฐ จากเดิมที่มีกำหนดในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินปอนด์และยูโร โดยเงินยูโรพุ่งขึ้นหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนจะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นหลังจากโดมินิค ร้าบ รัฐมนตรีอังกฤษฝ่ายกิจการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สหราชอาณาจักรจะสามารถทำข้อตกลง Brexit กับสหภาพยุโรป (EU) ได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม หุ้นสกาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวีของยุโรป พุ่งขึ้น 8.7% ขานรับการประมูลขายกิจการให้แก่บริษัทคอมแคสต์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคอมแคสต์ได้เสนอซื้อกิจการสกายด้วยวงเงิน 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าวงเงินในข้อเสนอของทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ถึง 10%
หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ทะยานขึ้น 5.8% หลังจากบริษัทแบร์ริค โกลด์ ประกาศเข้าซื้อกิจการของบริษัทแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ด้วยวงเงิน 6.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตั้งบริษัทเหมืองทองขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีมูลค่ารวม 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยหุ้นโททาล พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นบีพี ดีดตัวขึ้น 1% และหุ้นลันดิน ปิโตรเลียม ทะยานขึ้นกว่า 3%