ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงผลการประชุมในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.5% แตะที่ระดับ 383.89 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,374.66 จุด เพิ่มขึ้น 23.84 จุด หรือ +0.19% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,479.10 จุด เพิ่มขึ้น 2.93 จุด หรือ +0.05% ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,507.56 จุด เพิ่มขึ้น 49.15 จุด หรือ +0.66%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า มาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐนำมาใช้กับอิหร่านนั้น จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลง โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นโททาล เพิ่มขึ้น 1.3% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 2.4%
นายเบน แวน เบอร์เดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นจะช่วยกระตุ้นการลงทุนในธุรกิจน้ำมัน พร้อมแสดงความเห็นว่า ราคาน้ำมันที่ระดับ 80 ดอลลาร์จะเป็นประโยชน์ต่อตลาดในระยะยาว
หุ้นโนวาร์ติส ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทประกาศแผนการปลดพนักงาน 2,200 ตำแหน่งในช่วง 4 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึง 400 ตำแหน่งในสหราชอาณาจักร
หุ้นเน็กซ์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเสื้อผ้า ทะยานขึ้น 7.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายและกำไรที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนส.ค.
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง นำโดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ดิ่งลง 5.4% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปีงบการเงิน 2561 อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามการค้า ขณะที่หุ้นเดมเลอร์ เอจี ร่วงลง 1.9% และหุ้นโฟล์คสวาเกน ลดลง 1.9%
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากปรับขึ้นไปแล้วในการประชุมเดือนมี.ค.และมิ.ย.ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้