ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% พร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ แถลงการณ์ของที่ประชุมเฟดยังได้ตัดข้อความ "จุดยืนด้านนโยบายการเงินของเฟดยังคงมีความผ่อนคลาย" ซึ่งเป็นข้อความที่มักปรากฏในแถลงการณ์ของเฟดในช่วงที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,385.28 จุด ลดลง 106.93 จุด หรือ -0.40% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,905.97 จุด ลดลง 9.59 จุด หรือ -0.33% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,990.37 จุด ลดลง 17.10 จุด หรือ -0.21%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันเฟดยังได้ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่เหนืออัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางในระยะยาวต่อไปอีก 2 ปี และเฟดมีความจำเป็นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ในแถลงการณ์การประชุมล่าสุด เฟดได้ตัดข้อความ "จุดยืนด้านนโยบายการเงินของเฟดยังคงมีความผ่อนคลาย" ซึ่งเป็นข้อความที่มักปรากฏในแถลงการณ์ของเฟดในช่วงที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์จากบริษัทโจนส์เทรดดิ้งกล่าวว่า ในช่วงแรกนั้นดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นหลังจากเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเฟดมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐ แต่ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการได้ไม่นาน ได้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้น หลังจากนักลงทุนเริ่มพิจารณาถึงการที่เฟดได้ตัดคำว่า "จุดยืนด้านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย" ออกไปจากแถลงการณ์การประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งบ่งชี้ว่า วงจรของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระบบเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะกลับมาอีกครั้ง
ถ้อยแถลงดังกล่าวของเฟดส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวในการแถลงข่าวว่า การที่เฟดตัดข้อความดังกล่าว ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินแต่อย่างใด
หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคซึ่งมีความอ่อนไหวต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยได้ปรับตัวลง นำโดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ร่วงลง 1.3% ขณะที่หุ้นเป๊ปซี่โค ลดลง 0.4%
หุ้นไนกี้ ร่วงลง 1.3% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงินปีนี้ แม้ยอดขายได้รับแรงหนุนจากการที่บริษัทได้เลือกโคลิน แคเปอร์นิค อดีตควอเตอร์แบ็คของทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนน์เนอร์ส ในลีกอเมริกันฟุตบอล NFL ให้แสดงในโฆษณาชุดใหม่ของไนกี้ก็ตาม
หุ้นดูปองท์ ร่วงลง 1.6% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์อินทิเน็ทได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดูปองท์
หุ้นคอมแคสต์ ปรับตัวลง 0.08% ขณะที่หุ้น-ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ดีดตัวขึ้น 1.02% จากข่าวที่ว่า ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ เตรียมขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท สกาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวีของยุโรป แก่บริษัท คอมแคสต์ ในสัดส่วน 39%
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 1.3% หลังจากซีอีโอของฟอร์ดได้แสดงความกังวลว่า การตั้งกำแพงภาษีนำเข้าจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทถึง 1 พันล้านดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่ดีดตัวขึ้น 3.5% ในเดือนส.ค. แตะระดับ 629,000 ยูนิต หลังจากที่ปรับตัวลงในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่ราคากลางของบ้านใหม่ในช่วงเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้น 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 320,000 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน